สื่อ VOA รายงาน การศึกษาวิจัยล่าสุดพบว่าผู้มีฐานะทั้งหลายในสหรัฐฯ นั้น สามารถเลี่ยงภาระภาษีในแต่ละปี เป็นมูลค่าสูงถึงราว 175,000 ล้านดอลลาร์ฯ แล้ว ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอัตราภาษีที่สูงขึ้นอาจทำให้มีการหลบเลี่ยงภาษีมากยิ่งขึ้นไปอีก | ที่มาภาพ: AP (อ้างใน VOA)
VOA รายงานเมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย. 2564 ว่าขณะที่รัฐบาลของประธานาธิบดี โจ ไบเดน วางแผนจะปรับขึ้นอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากคนรวยและธุรกิจต่างๆ เพื่อนำเงินไปสนับสนุนการลงทุนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ การศึกษาวิจัยล่าสุด พบว่าผู้มีฐานะทั้งหลายในสหรัฐฯ นั้น สามารถเลี่ยงภาระภาษีในแต่ละปี เป็นมูลค่าสูงถึงราว 175,000 ล้านดอลลาร์แล้ว ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอัตราภาษีที่สูงขึ้นอาจทำให้มีการหลบเลี่ยงภาษีมากยิ่งขึ้นไปอีก
ทีมนักวิจัยจาก Internal Revenue Service (IRS) หรือกรมสรรพากรของสหรัฐฯ ร่วมกับนักเศรษฐศาสตร์ทำการศึกษาเกี่ยวกับรายได้ของชาวอเมริกันผู้มีฐานะร่ำรวย ที่ไม่ได้รายงานให้ทางการทราบในแต่ละปี ก่อนจะพบว่า ตัวเลขประเมินที่ออกมาได้ล่าสุดนี้ สูงกว่าการคำนวณในครั้งก่อนๆ อย่างมาก
ในรายงานการวิจัยที่ สำนักวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐฯ (National Bureau of Economic Research - NBER) นักวิจัยพบว่า ผู้ที่มีรายได้สูงสุดของสหรัฐฯ ในกลุ่ม 1 เปอร์เซ็นต์แรกนั้น เลี่ยงไม่รายงานประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ของตนในแต่ละปี
แดเนียล เร็ค นักเศรษฐศาสตร์จาก วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์แห่งลอนดอน (London School of Economics - LSE) และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมทำการศึกษาวิจัย กล่าวว่า ผู้มีอันจะกินในระดับต้นๆ ของสหรัฐที่หลีกเลี่ยงภาษีนั้นมีวิธีการหลบเลี่ยงการรายงานภาษีที่ซับซ้อนและเป็นรูปธรรมอยู่ และเป็นวิธีสุ่มตรวจของทีมตรวจสอบ IRS มักหาไม่พบเลย
รายงานฉบับนี้ ระบุว่า รายได้ของคนรวยระดับต้นๆ ที่ไม่มีการรายงานนั้นมักถูกซ่อนไว้ในบัญชีธนาคารต่างประเทศ หรือ ไม่มีการรวมไว้ในรายงานภาษีจาก องค์กรธุรกิจประเภท Pass-Through หมายถึง ธุรกิจเจ้าของคนเดียว เพราะภาระภาษีของกำไรเหล่านี้ถูกจัดให้อยู่ในหมวดภาษีบุคคลธรรมดา
ในส่วนของคำถามที่ว่า ทำไม IRS ถึงไม่สามารถตรวจสอบรายได้ของบุคคลเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ทำการวิจัยสรุปว่า เป็นเพราะหน่วยงานนี้ขาดการสนับสนุนด้านงบประมาณมาตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้ความสามารถในการตรวจสอบบัญชีลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับบุคคลร่ำรวยและธุรกิจที่มีการจัดการด้านการเงินที่ซับซ้อน
เร็ค ยังกล่าวด้วยว่า ประเด็นเส้นบางๆ ระหว่างการหลีกเลี่ยงภาษีอย่างถูกกฎหมายและผิดกฎหมายที่มีอยู่ในหลายกรณีทำให้คนรวยทั้งหลายสามารถเลี่ยงการชำระภาษีก้อนโต และการนำเรื่องสู่ชั้นศาลเพื่อตัดสินนั้นมักใช้เวลานานหลายปี จนทำให้ IRS เลือกที่จะไม่ลงทุนลงแรงเพื่อการนี้อยู่บ่อยครั้ง
อย่างไรก็ดี ปธน.ไบเดน เคยเสนอไว้ระหว่างการหาเสียงชิงตำแหน่งผู้นำประเทศว่า จะขอให้มีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการเก็บภาษีผู้ที่มีฐานะร่ำรวย โดยระบุให้ผู้ที่มีรายได้ปีละ 400,000 ดอลลาร์ขึ้นไป ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น รวมทั้ง ปรับขึ้นอัตราภาษีนิติบุคคลจาก 21 เปอร์เซ็นต์ เป็น 28 เปอร์เซ็นต์ โดยมีการตั้งจำนวนเงินภาษีขั้นต่ำสำหรับภาคธุรกิจที่ต้องชำระในแต่ละปีไว้ด้วย
หากมาตรการที่ปธน.ไบเดน นำเสนอสามารถดำเนินการได้สำเร็จ มีการประเมินว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะมีรายได้ภาษีเพิ่มขึ้นถึงราว 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ ในช่วง 10 ปี หลังการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาษี
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ