VOA เผย 'ห้องแล็บผลิตยาบ้า' ผุดทั่วเมียนมายุครัฐบาลทหาร กระจายสินค้าทั่วอินโดจีน

กองบรรณาธิการ TCIJ 10 ก.ย. 2564 | อ่านแล้ว 13498 ครั้ง

VOA เผย 'ห้องแล็บผลิตยาบ้า' ผุดทั่วเมียนมายุครัฐบาลทหาร กระจายสินค้าทั่วอินโดจีน

VOA เผย 'ยาบ้า' ที่ผลิตจากห้องทดลองผิดกฎหมาย หรือที่เรียกกันว่า "ซูเปอร์แล็บ" ที่ผุดขึ้นอย่างมากมายในเมียนมาหลังการรัฐประหารเมื่อเดือน ก.พ. 2021 กำลังกระจายไปในหลายประเทศในแถบอินโดจีนและอาเซียน - ตั้งแต่เกิดรัฐประหารในเมียนมาเมื่อเดือน ก.พ. 2021 ทางการไทยได้ยึดกุมยาบ้าได้แล้วเกือบ 330 ล้านเม็ด เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

VOA รายงานเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2021 ว่ายาเสพติดประเภทเมธแอมฟีทามีน (Methamphetamine) หรือ "ยาบ้า" ที่ผลิตจากห้องทดลองผิดกฎหมาย หรือที่เรียกกันว่า "ซูเปอร์แล็บ" ที่ผุดขึ้นอย่างมากมายในเมียนมาหลังการรัฐประหารเมื่อเดือน ก.พ. 2021 กำลังกระจายไปในหลายประเทศในแถบอินโดจีนและอาเซียน

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวกับวีโอเอว่า ขณะนี้รัฐฉานของเมียนมาคือแหล่งผลิตยาบ้าแหล่งใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยความร่วมมือของขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ในแถบสามเหลี่ยมทองคำ

วัตถุดิบและสารเคมีหลายพันตันหลั่งไหลเข้าไปในรัฐฉานและบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ เพื่อนำไปผลิตเป็นยาบ้า ยาไอซ์ และเฮโรอีน ก่อนที่จะถูกส่งออกมาตามแนวชายแดนฝั่งตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือของเมียนมา

ริชาร์ด ฮอร์ซีย์ แห่ง International Crisis Group กล่าวกับวีโอเอภาคภาษาพม่าว่า หลังการยึดอำนาจเมื่อต้นปีนี้ การผลิตยาเสพติดในรัฐฉานยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งชี้ให้เห็นว่าขบวนการค้ายาเสพติดเหล่านั้นได้รับอานิสงส์จากการรัฐประหารด้วย

และว่า "ซูเปอร์แล็บ" ซึ่งใช้ในการผลิตยาบ้าและยาไอซ์ ผุดขึ้นอย่างมากมายทั้งของกองกำลังฝ่ายสนับสนุนกองทัพ และฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา เนื่องจากการตรวจสอบที่ย่อหย่อน และความวุ่นวายทางการเมืองที่สร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้แก่กิจกรรมผิดกฎหมายต่าง ๆ

นอกจากนี้ รัฐฉานยังเป็นแหล่งผลิตฝิ่นรายใหญ่อันดับสองของโลกรองจากอัฟกานิสถานซึงเพิ่งตกอยู่ภายใต้การปกครองของตาลิบัน ซึ่งอาจมีผลต่อตลาดยาเสพติดประเภทเฮโรอีนในเอเชียและทั่วโลกด้วย

ไทยจับยาบ้ามากเป็นประวัติการณ์

ตั้งแต่เกิดรัฐประหารในเมียนมาเมื่อเดือน ก.พ. 2021 ทางการไทยได้ยึดกุมยาบ้าได้แล้วเกือบ 330 ล้านเม็ด เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ปริมาณการจับกุมยาไอซ์อยู่ระดับ 15 ตัน ตามข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)

เจเรมี ดักกลาส ผู้แทนประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมของสหประชาชาติ หรือ UNODC กล่าวว่า การที่เครือข่ายยาเสพติดในรัฐฉานผลิตยาบ้าและยาไอซ์ออกมาจำนวนมหาศาลนี้ ส่งผลกระทบต่อประเทศเพื่อนบ้านในอินโดจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะประเทศไทยที่ถือเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งในภูมิภาคนี้

ที่ผ่านมาทางการไทยได้พยายามคุมเข้มการขนส่งยาเสพติดผ่านทางพรมแดนด้านเหนือและตะวันตกติดกับเมียนมา ซึ่งทำให้การขนส่งจากรัฐฉานต้องเปลี่ยนเส้นทางไปยังประเทศลาวแทนก่อนที่จะวกกลับเข้าสู่ไทยผ่านแม่น้ำโขงทางภาคอีสานที่ซึ่งมีการควบคุมน้อยกว่า

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตำรวจไทยได้จับกุมยาว้า 4.3 ล้านเม็ดที่จังหวัดนครพนมตรงข้ามกับชายแดนลาว ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกกับวีโอเอว่า เป็นตัวอย่างหนึ่งของการใช้ภาคอีสานของไทยเป็นเส้นทางในการขนส่งยาเสพติด โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่มีคนจำนวนมากตกงาน ทำให้การกระจายยาเสพติดไปยังชุมชนยากจนต่าง ๆ ทำได้ง่ายขึ้น

เจเรมี ดักกลาส แห่ง UNODC กล่าวว่า ช่วงหลายเดือนมานี้ ปัญหายาเสพติดในรัฐฉานและสามเหลี่ยมทองคำได้เพิ่มความซับซ้อนและรุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม ในขณะที่ธุรกิจมืดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในภูมิภาคอินโดจีนก็ยิ่งขยายอิทธิพลกว้างขวางขึ้น ซึ่งยิ่งเน้นย้ำให้เห็นถึงปัญหาคอร์รัปชันที่ฝังรากลึกในหลายประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้เช่นกัน

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: