กรมคุมประพฤติผุดโปรแกรมคดีการเมืองส่งบำเพ็ญประโยชน์-สร้างสมาธิที่วัด

กองบรรณาธิการ TCIJ 10 ก.พ. 2564 | อ่านแล้ว 2353 ครั้ง

กรมคุมประพฤติผุดโปรแกรมคดีการเมืองส่งบำเพ็ญประโยชน์-สร้างสมาธิที่วัด

กรมคุมประพฤติจัดเพิ่มโปรแกรม แยกผู้ถูกคุมประพฤติเป็น 5 กลุ่ม 'ยาเสพติด-ผิดกฏหมายจราจร เมาแล้วขับ-ทำร้ายร่างกาย-ความผิดเศรษฐกิจ-คดีการเมือง' โดยกลุ่มคดีการเมืองส่งบำเพ็ญประโยชน์ สร้างสมาธิที่วัด | ที่มาภาพประกอบ: Hippopx (CC0)

สำนักข่าวไทย รายงานเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2564 ว่านายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ระบาด และกรมราชทัณฑ์ มีการพิจารณาพักการลงโทษ ทำให้มีผู้ถูกคุมประพฤติเข้าสู่การทำงานบริการสังคมเพิ่มมากขึ้น กรมจึงได้จัดแบ่งผู้ถูกคุมประพฤติ ใน 5 กลุ่มคดีเพื่อจัดโปรแกรมคุมประพฤติให้เหมาะสมในการปรับเปลี่ยนพฤตินิสัย ไม่ให้กระทำผิดซ้ำ เพื่อให้สังคมยอมรับและมั่นใจมากขึ้น โดยตามประเภทคดี ได้แก่

1.ผู้ถูกคุมประพฤติ จากคดียาเสพติด ซึ่งมีมากถึงร้อยละ 80 กลุมนี้ ส่งเข้าอบรมและบำบัด ทำศูนย์ฟื้นฟู สร้างโปรแกรมบำบัดทั้งระยะสั้นและระยะยาว ยึดหลักผู้เสพเป็นผู้ป่วย

2.คดีกระทำผิดกฏหมายจราจร เมาแล้วขับ ขับรถเร็ว จำแนกออกเป็นกลุ่มเสี่ยงมาก เสี่ยงปานกลางและเสี่ยงน้อย จัดเข้าอบรมวินัยจราจร โทษเมาแล้วขับ และให้ดูแลสัมผัสเหยื่อ ที่สูญเสียจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับ

3.กลุ่มคดีทำร้ายร่างกาย ใช้ความรุนแรงก่อคดี กลุ่มนี้จะถูกส่งบำเพ็ญประโยชน์ในโรงพยาบาล

4.กลุ่มคดีความผิดเศรษฐกิจ ที่หากนายสรยุทธ สุทัศนะจินดาได้พักโทษใส่กำไลอีเอ็ม และถูกคุมประพฤติต่ออีก 2ปีกว่าก็จะถูกจัดในกลุ่มนี้

โปรแกรมคุมประพฤติ แบ่งเป็น ทำผิดเพราะโลภ อยากได้อยากมี ต้องเข้าโปรแกรมอบรมให้รู้จักวิธีจัดการกับความอยากได้ รู้จักขจัดความโลภ และแบ่งปันเป็น อีกแบบคือกระทำผิดเพราะจำเป็น ไม่มีอาชีพไม่มีรายได้ กลุ่มนี้ กรมเตรียมโปรแกรม สร้างอาชีพสตรีทฟู้ดให้ผู้ถูกคุมประพฤติกลุ่มนี้ ฝึกทำอาหารเพื่อมีอาชีพเป็นพ่อครัวหรือ ผู้ช่วยแม่ครัว หรือเปิดขายอาหารตามสั่งเองได้

5.กลุ่มความผิดคดีการเมือง ที่ปัจจุบันมีมากขึ้น ต้องจัดโปรแกรมสร้างวิธีคิด การเคารพกติกาสังคม โดยจัดโปรแกรมเพิ่มจริยธรรมคุณธรรม ให้อบรมเพิ่มสมาธิมากขึ้น เพราะคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ มีความรู้แต่อาจใจร้อน จึงต้องพยายามใส่ธรรมะเข้าไป ให้แก้ปัญหาต่างๆอย่างใจเย็นลง ซึ่งกลุ่มนี้มีนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ที่ได้พักโทษใส่กำไลอีเอ็มและกรมส่ง ไปฝึกสมาธิที่วัดบางกรวย นนทบุรี

อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวอีกว่าแต่ละปีมีผู้ถูกคุมประพฤติ 5 แสนคน เป็นผู้ถูกคุมประพฤติใหม่ ปีละ 3 แสนคน ที่เหลืออีก 2 แสนคนเป็นผู้ถูกคุมประพฤติสะสม แต่ละคนถูกคุมประพฤติ 1-5 ปี การพัฒนาโปรแกรม ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมให้ผู้เคยกระทำผิด ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และอยู่ร่วมในสังคมได้

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: