สถาบันคุ้มครองเงินฝากกำลังศึกษาขยายการคุ้มครองเงินฝากไปพวก e-Money

กองบรรณาธิการ TCIJ 11 ส.ค. 2564 | อ่านแล้ว 3542 ครั้ง

สถาบันคุ้มครองเงินฝากกำลังศึกษาขยายการคุ้มครองเงินฝากไปพวก e-Money

สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) เผยอยู่ระหว่างการศึกษาขยายการคุ้มครองเงินฝากไปพวกผลิตภัณฑ์เงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) โดยอาจจะคุ้มครอง e-Money ในส่วนการคุ้มครองเงินที่อยู่ในธนาคาร คนออก e-Money ฝากเงินไว้ในธนาคาร ซึ่งเงินจำนวนนี้จะนำออกไปใช้ไม่ได้ ส่วนบริษัทที่ประกอบธุรกิจ e-Money แล้วขาดทุน ตรงนี้มีธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลกำกับอยู่แล้ว

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานเมื่อช่วงต้นเดือน ส.ค. 2564 ว่านายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) เปิดเผยว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาขยายการคุ้มครองเงินฝากไปพวกผลิตภัณฑ์เงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ด้วย โดยอาจจะคุ้มครอง e-Money ในส่วนการคุ้มครองเงินที่อยู่ในธนาคาร คนออก e-Money ฝากเงินไว้ในธนาคาร ซึ่งเงินจำนวนนี้จะนำออกไปใช้ไม่ได้ ส่วนบริษัทที่ประกอบธุรกิจ e-Money แล้วขาดทุน ตรงนี้มีธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลกำกับอยู่แล้ว ซึ่งทางเราจะไม่คุ้มครองในส่วนของบริษัท e-Money

หลังจากที่ได้ประกาศออกมาว่า ผู้ฝากเงินในสถาบันการเงินภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝาก จะได้รับความคุ้มครองเงินฝากตามกฎหมายคุ้มครองเงินฝาก ในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท ต่อ 1 รายผู้ฝาก ต่อสถาบันการเงิน จะมีผลตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.นี้

ซึ่งจะคุ้มครองเงินฝากที่เป็นเงินบาทเท่านั้น ส่วนเงินฝากในสกุลอื่นจะไม่ให้ความคุ้มครอง อย่างการลงทุนตราสาร พันธบัตร หุ้นกู้ แคชเชียร์เช็ค รวมถึง E-Money ก็ไม่ถือเป็นเงินฝาก และคริปโตก็ไม่รับการคุ้มครอง ซึ่งจะคุ้มครองผู้ฝากเงินทุกรายทั้งหมด โดยจะมีกลุ่มผู้ฝากเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท จะได้รับความคุ้มครองเต็มจำนวน ส่วนกลุ่มผู้ฝากเงินเกิน 1 ล้านบาทขึ้นไป จะคุ้มครอง 1 ล้านบาท และส่วนที่เกิน 1 ล้านบาท จะได้หลังจากที่ทรัพย์ของธนาคารที่ถูกเพิกถอนได้นำออกมาจำหน่าย และจะคืนให้ผู้ฝากเงินในช่วงชำระบัญชี

ส่วนการดำเนินการนั้นทางผู้ฝากเงินไม่ต้องยื่นคำร้อง ทางสถาบันคุ้มครองเงินฝากมีระบบคุ้มครองเงินฝาก โดยเรามีข้อมูลผู้ฝากเงิน และการจ่ายคืนโดยผ่านระบบพร้อมเพย์ที่ผูกกับหมายเลขบัตรประชาชนภายใน 30 วัน และก็มีการจ่ายคืนในรูปของเช็ค สำหรับคนต่างชาติ อย่างไรก็ดีการจ่ายเงินคุ้มครองจะต้องหักหนี้ที่ค้างชำระออกจากเงินคุ้มครองก่อน แต่ถ้าหนี้ยังไม่ถึงกำหนดก็จะไม่นำมาหัก

ปัจจุบันมีคนฝากเงินมากกว่า 1 ล้านบาทอยู่น้อยมาก ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้จะมีการบริหารเงินที่ซับซ้อน โดยอาจไปลงทุนสินทรัพย์อื่น และกลุ่มคนเหล่านี้มักจะเข้าใจการลงทุนและจัดการดูแลเงินได้ดีในระดับหนึ่ง

"ในช่วงที่ผ่านมาเงินฝากมีการเติบโตขึ้นมาโดยตลอด....ไม่ใช่เพราะธนาคารไหนเสี่ยงแล้วต้องมีการเคลื่อนย้ายเงินฝาก แต่เป็นการย้ายไปหาอัตราดอกเบี้ยสูง การเคลื่อนย้ายเงินฝากที่มีนัยยะยังไม่เกิด โดยเงินฝากยังโตทุกปีราว 4-6% ในช่วงที่ผ่านมา ส่วนช่วงการแพร่ระบาดโควิดเงินฝากเติบโต 2% เศษ"นายทรงพล กล่าว

นายทรงพล กล่าวต่อว่า ในอนาคตก็อาจจะมีการปรับวงเงินคุ้มครอง โดยจะต้องพิจารณาข้อมูลต่าง ๆ มาประกอบกันด้วย และหากจะปรับวงเงินคุ้มครองก็มีโอกาสที่จะคุ้มครองวงเงินสูงขึ้น

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: