แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่ลเเนล ประเทศไทย ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานประธานศาลฎีกา เรียกร้องให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อพิจารณาจัดสรรมาตรการที่สอดคล้องกับหลักการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้ต้องขังเเละนักโทษในภาวะที่มีโรคระบาด เพื่อลดความรุนแรงของการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ภายในเรือนจำ และดำเนินการ ‘ลดการคุมขังที่ไม่จำเป็นทุกขั้นตอน’ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงเเละประธานศาลฎีกา
เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2564 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่ลเเนล ประเทศไทย เปิดเผยว่าได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานประธานศาลฎีกา เรียกร้องให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อพิจารณาจัดสรรมาตรการที่สอดคล้องกับหลักการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้ต้องขังเเละนักโทษในภาวะที่มีโรคระบาด เพื่อลดความรุนแรงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในเรือนจำ และดำเนินการ ‘ลดการคุมขังที่ไม่จำเป็นทุกขั้นตอน’ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงเเละประธานศาลฎีกา
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่า ได้สังเกตการณ์การดำเนินคดีต่อแกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งเข้าร่วมชุมนุมตลอดระยะเวลาช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุว่า มีผู้ถูกดำเนินคดีอันเนื่องจากการเข้าร่วมชุมนุมและแสดงออกทางการเมืองแล้วตั้งเเต่เดือน ก.ค. 2563 ถึงเดือนเมษายน 2564 รวม 635 คน ใน 301 คดี ในจำนวนนี้ มีผู้ที่ไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ทั้งระหว่างการสอบสวน ระหว่างรอการดำเนินตามกระบวนการพิจารณาในศาลชั้นต้น รวมถึงระหว่างรออุทธรณ์คดี ทั้งหมด 18 คน
พบว่าขณะนี้ มีภาวะการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้สถานการณ์ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศตกอยู่ในภาวะวิกฤติ โดยเฉพาะผู้ต้องขังและนักโทษซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ ทัณฑสถาน และสถานคุมขังอื่นทั่วประเทศ ซึ่งมีข้อจำกัดทั้งเรื่องสถานที่ในการกักตัว ความรวดเร็วในการเข้าถึงการรักษาพยาบาล ตลอดทั้งการติดต่อสื่อสารกับครอบครัวและทนายความ เฉพาะในปี 2563 สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) รายงานว่า อย่างน้อย 100 ประเทศทั่วโลกมีความพยายามในการปล่อยผู้ต้องขังและนักโทษกว่า 600,000 ราย เพื่อลดความแออัดในเรือนจำ โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ
โดยแอมเนสตี้กล่าวชื่นชมในความพยายามปฏิบัติตามนโยบายลดการคุมขังโดยไม่จำเป็นทุกขั้นตอน และจัดการให้ผู้ต้องขังและนักโทษได้รับผลกระทบน้อยที่สุดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรก็ตาม สภาพของราชทัณฑ์ที่อยู่ในสภาวะ ‘นักโทษล้นคุก’ มาอย่างยาวนาน และการคุมขังบุคคลที่ออกมาแสดงออกทางการเมือง ทำให้มีนักโทษทางการเมืองรวมอย่างน้อย 7 คน ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากรายงานของกรมราชทัณฑ์ว่ารวมแล้ว ตั้งแต่มีภาวะโรคระบาด ผู้ต้องขังเเละนักโทษอย่างน้อย 200 คน ที่ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวระหว่างถูกควบคุมตัวในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เรือนจำจังหวัดนราธิวาส เเละเรือนจำจังหวัดเชียงใหม่
ดังนั้นแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่ลเเนล ประเทศไทย จึงขอเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมและสำนักงานประธานศาลฎีกา ดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อพิจารณาจัดสรรมาตรการที่สอดคล้องกับหลักการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้ต้องขังเเละนักโทษในภาวะที่มีโรคระบาด ทั้งเพื่อลดความรุนแรงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในเรือนจำ และระหว่างเรือนจำกับประชาชนภายนอก
โดยให้จัดสรรหน้ากากอนามัย สบู่และน้ำสะอาดอย่างเพียงพอให้แก่ผู้ต้องขังและนักโทษโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เเละให้ผู้ต้องขังและนักโทษได้รับการดูเเลจากแพทย์ มีสิทธิเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสอย่างเร่งด่วน แยกผู้ป่วยออกจากผู้ต้องขังและนักโทษปกติ พิจารณาให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาพยาบาลที่เหมาะสม ตลอดทั้งดำเนินการ ’ลดการคุมขังที่ไม่จำเป็นทุกขั้นตอน’ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงเเละประธานศาลฎีกาเองโดยทันที
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ