'สิงคโปร์' เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ปรับเปลี่ยนแนวทางการรับมือ COVID-19 จากมาตรการ 'COVID-Zero' หรือ การทำให้ผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ มาเป็นการอยู่ร่วมกับ COVID-19 แม้ในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. 2021 สิงคโปร์จะเผชิญกับการระบาดระลอกใหม่ที่รุนแรงกว่าเดิม | ที่มาภาพ: Singapore Government
'สิงคโปร์' เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ปรับเปลี่ยนแนวทางการรับมือ COVID-19 จากมาตรการ 'COVID-Zero' หรือ การทำให้ผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ มาเป็นการอยู่ร่วมกับ COVID-19 ด้วยการระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชน และไม่มีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด เหมือนที่แล้วมา เพื่อเร่งเดินหน้าเศรษฐกิจของประเทศ
สิงคโปร์ เริ่มใช้แนวทางการอยู่รวมกับโรค COVID-19 ในช่วงต้นเดือน ส.ค. 2021 เนื่องจากมั่นใจว่าสามารถฉีดวัคซีนครบโดส ให้ประชาชนเกินกว่าร้อยละ 80 ส่งผลให้ทางการสิงคโปร์ เริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่าง ๆ และเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ แต่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ กลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ระบบสาธารณสุขของสิงคโปร์อยู่ในภาวะตึงตัวอย่างหนัก
ทางการสิงคโปร์ตัดสินใจขอความร่วมมือให้ผู้ติดเชื้อรายใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง หรือเป็นผู้ติดเชื้อหลังจากที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ลงทะเบียนเข้าระบบแยกรักษาตัวอยู่ที่บ้าน พร้อมสร้างศูนย์ดูแลผู้ป่วย COVID-19 สำหรับดูแลผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงสูงที่มีอาการป่วยไม่รุนแรง และยังไม่จำเป็นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
นอกจากนี้ สิงคโปร์ ยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโรค COVID-19 ให้เข้มข้นมากขึ้น เพื่อบรรเทาภาระของระบบสาธารณสุข ด้วยการห้ามผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน COVID-19 เข้าใช้บริการศูนย์การค้า และสถานที่ท่องเที่ยว รวมทั้ง ห้ามนั่งรับประทานอาหารในศูนย์อาหารและร้านกาแฟ แต่ยังอนุญาตให้ซื้อกลับบ้านได้ ตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. 2021 ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว อนุญาตให้ใช้บริการศูนย์การค้า และร้านค้าขนาดใหญ่ รวมถึงอนุญาตให้นั่งรับประทานอาหารในศูนย์อาหาร แต่รวมกลุ่มได้ไม่เกิน 2 คน
พร้อมกันนี้ สิงคโปร์ ขยายโครงการฉีดวัคซีน COVID-19 เข็มกระตุ้น ให้ครอบคลุมบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า และผู้ที่มีอายุ 30 ปี ขึ้นไป ซึ่งฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว อย่างน้อย 6 เดือน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ดำเนินการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้เฉพาะผู้ที่มีอายุ 50 ปี ขึ้นไป
ขณะเดียวกัน สิงคโปร์ ยังเดินหน้าเปิดประเทศ ผ่านโครงการที่อนุญาตให้ผู้ที่ฉีดวัคซีน COVID-19 ครบโดสแล้ว สามารถเดินทางเข้าสิงคโปร์ โดยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัว ซึ่งเริ่มนำร่อง กับผู้ที่เดินทางมาจากเยอรมนีและบรูไน และเตรียมดำเนินโครงการดังกล่าว เพิ่มอีก 8 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี เนเธอร์แลนด์ และเดนมาร์ก ในวันที่ 19 ต.ค. 2021 เพื่อกอบกู้สถานะการเป็นศูนย์กลางการเดินทางระดับโลกของสิงคโปร์
นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ กล่าวว่าประชาชนควรปรับเปลี่ยนแนวความคิดจากการทำให้ผู้ติดเชื้อ COVID-19 เป็นศูนย์ มาเป็นการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโรค COVID-19 โดยรัฐบาลจะผลักดันการบังคับใช้มาตรการด้านสาธารณสุขที่ไม่ยุ่งยาก เพื่อให้สิงคโปร์กลับมาเปิดประเทศ และเดินหน้าเศรษฐกิจอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม อาจต้องใช้เวลา นาน 3 ถึง 6 เดือน ถึงจะสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 จนถึงจุดที่ชาวสิงคโปร์สามารถอยู่ร่วมกับโรค COVID-19 ภายใต้แนวทางชีวิตวิถีใหม่
อนึ่ง ณ วันที่ 14 ต.ค. 2021 กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ รายงานพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ 3,190 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 9 คน ซึ่งทั้งหมดมีอายุระหว่าง 52-98 ปี ทำให้ในเวลานี้ สิงคโปร์มียอดผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 135,000 คน ในจำนวนนี้ยังรักษาตัวอยู่ ประมาณ 27,000 คน และมียอดผู้เสียชีวิต 192 คน
ที่มาเรียบเรียงจาก: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ [1] [2]
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ