สภานิติบัญญัติของสิงคโปร์ผ่านกฎหมายด้านความมั่นคงฉบับใหม่ซึ่งให้อำนาจรัฐบาลอย่างกว้างขวางในการดำเนินคดีกับสื่อหรือบุคคลใดๆ ที่รัฐบาลเห็นว่าก้าวก่ายกิจการภายในหรือเป็นภัยต่อผลประโยชน์แห่งรัฐ ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชนชี้ทำให้รัฐบาลใช้อำนาจกับผู้เห็นต่างตามอำเภอใจ | ที่มาภาพประกอบ: TODAYonline
VOA รายงานว่าเมื่อช่วงต้นเดือน ต.ค. 2021 สภานิติบัญญัติของสิงคโปร์ผ่านกฎหมายด้านความมั่นคงฉบับใหม่ซึ่งให้อำนาจรัฐบาลอย่างกว้างขวางในการดำเนินคดีกับสื่อหรือบุคคลใดๆ ที่รัฐบาลเห็นว่าก้าวก่ายกิจการภายในหรือเป็นภัยต่อผลประโยชน์แห่งรัฐ
โดยสภานิติบัญญัติของสิงคโปร์ผ่านกฎหมายความมั่นคงที่มีชื่อว่า Foreign Interference (Countermeasures) Act หรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า FICA ด้วยคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น 75 ต่อ 11 จากการที่พรรค PAP ของรัฐบาลสิงคโปร์ซึ่งปกครองประเทศมานานถึง 56 ปีแล้วมีเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาดอยู่ในสภา
โดยกฎหมายฉบับนี้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐบาลบังคับให้บริษัทสื่อสังคมออนไลน์หรือผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตต่างๆ ต้องส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้และปิดกั้นรวมทั้งยกเลิกการแบ่งปันข้อมูลใดๆ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เห็นว่าอาจเป็นภัยต่อผลประโยชน์ของรัฐได้ นอกจากนั้นกฎหมายฉบับนี้ยังให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐบาลสิงคโปร์ระบุบุคคลใดว่ามีนัยยะสำคัญทางการเมืองเพื่อบังคับให้บุคคลดังกล่าวต้องเปิดเผยความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับหน่วยงานหรือองค์กรในต่างประเทศด้วย
กฏหมายที่ว่านี้กำหนดบทลงโทษทั้งจำและปรับ คือจำคุกอย่างสูง 14 ปีและปรับไม่เกิน 741,000 ดอลลาร์หรือประมาณ 25 ล้านบาทไทย รัฐบาลสิงคโปร์ให้เหตุผลว่ากฎหมายนี้มีความจำเป็นเพื่อปกป้องสิงคโปร์ ประเทศเล็กๆ ซึ่งมีประชากรราว 5,700,000 คนและมีความหลากหลายด้านเชื้อชาติจากภัยของการฉกฉวยและปลุกปั่นทางไซเบอร์โดยเฉพาะจากต่างชาติ
โดยนาย Kasiviswanathan Shanmugam รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกระทรวงกฎหมายและกิจการภายในของสิงคโปร์กล่าวว่าสิงคโปร์ได้เห็นการสร้างเรื่องราวต่างๆ อย่างหลากหลายที่แม้จะไม่ใช่การโฆษณาชวนเชื่อโดยตรงแต่ก็มีส่วนทำให้บุคคลทั่วไปคิดในลักษณะที่ต้องการโดยเฉพาะในเรื่องนโยบายต่างประเทศ และว่าเรื่องนี้นับเป็นภัยคุกคามร้ายแรงที่สุดที่สิงคโปร์เคยพบมา
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่เห็นด้วยถึงแม้จะไม่ได้โต้แย้งเรื่องภัยคุกคามของการก้าวก่ายแทรกแซงโดยต่างชาติ เพราะเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วพลเมืองสิงคโปร์รายหนึ่งถูกจับกุมในข้อหาเป็นสายลับให้กับหน่วยงานข่าวกรองของจีนก็ตาม
แต่ก็ได้โต้ว่ารัฐบาลสิงคโปร์ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องการใช้อำนาจเด็ดขาดอยู่แล้วจะอาศัยกฏหมายนี้เพื่อปราบปรามกิจกรรมอันชอบธรรมแต่ไม่เป็นที่ชื่นชอบหรือเห็นด้วยโดยรัฐบาล และเมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2021 องค์กรนอกภาครัฐ 11 องค์กรซึ่งรวมถึง Human Rights Watch และ Amnesty International ได้ออกคำแถลงขอให้รัฐบาลสิงคโปร์ยกเลิกกฎหมายฉบับนี้
โดยคุณ Linda Lakhdhir ที่ปรึกษากฎหมายของ Human Rights Watch กล่าวว่าการที่รัฐบาลสิงคโปร์สามารถกำหนดได้เองว่าใครที่ทำการโดยเป็นตัวแทนของรัฐบาลต่างประเทศนั้นเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะภายใต้กฎหมายฉบับนี้มีบทบัญญัติที่ครอบคลุมกิจกรรมต่างๆ มากมายนับตั้งแต่การทำงานร่วมกับ การทำงานภายใต้คำสั่งหรือจากการร้องขอไป จนถึงการทำงานโดยได้รับเงินสนับสนุนหรือร่วมมือกับตัวการในต่างประเทศ ว่าอาจเป็นภัยคุกคามต่อรัฐสิงคโปร์ได้
ทั้งยังกำหนดด้วยว่าการก้าวก่ายแทรกแซงกิจการของสิงคโปร์หมายรวมถึงความพยายามที่มีผลต่อการตัดสินใจของรัฐบาล สภานิติบัญญัติหรือมติมหาชนในเรื่องต่างๆ ซึ่งเป็นที่โต้แย้งกัน และที่ปรึกษากฎหมายของ Human Rights Watch ชี้ด้วยว่าเรื่องนี้อาจมีผลครอบคลุมตั้งแต่การหารือทางวิชาการระหว่างบุคคลในสิงคโปร์กับในต่างประเทศเกี่ยวกับร่างกฏหมายที่สำคัญ หรือแม้กระทั่งการแสดงความเห็นและการเผยแพร่ความเห็นนั้นก็อาจทำให้บุคคลดังกล่าวถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวแทนที่ได้รับอิทธิพลหรือถูกบงการโดยต่างชาติได้
นอกจากนั้นผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายที่ว่านี้ยังเตือนว่าเนื้อหาและการบังคับใช้กฎหมายอาจครอบคลุมถึงการติดต่อทำธุรกิจระหว่างประเทศ กิจกรรมของภาคประชาสังคม รวมทั้งการทำงานของสื่อมวลชนด้วยเช่นกัน
แต่เรื่องที่ทำให้ผู้ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้เป็นกังวลอีกด้านหนึ่งคือกลไกเกี่ยวกับการถ่วงอำนาจ เพราะศาลของสิงคโปร์จะสามารถวินิจฉัยข้อโต้แย้งจากกฎหมายนี้บนพื้นฐานด้านกระบวนการเท่านั้น
แต่การอุทธรณ์หรือการวินิจฉัยขั้นท้ายสุดจะเป็นหน้าที่ขององค์คณะผู้ทบทวนสามคนที่แต่งตั้งโดยประธานาธิบดีของสิงคโปร์จากการเสนอชื่อของคณะรัฐมนตรีและมีประธานศาลฎีกาเป็นเป็นหัวหน้า
โดยกลุ่มที่คัดค้านกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่นี้เห็นว่ารัฐบาลสิงคโปร์เคยใช้กฎหมายต่างๆ มากมายหลายฉบับเพื่อปิดปากผู้ที่เห็นต่างมาแล้วและกฎหมาย FICA นี้ก็อาจเป็นเครื่องมือชิ้นล่าสุดที่รัฐบาลสิงคโปร์สามารถนำมาใช้หากเนื้อหาที่มีการนำเสนอหรือกิจกรรมที่ถกเถียงนั้นไม่เป็นที่ถูกใจของฝ่ายรัฐบาลนั่นเอง
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ