กองทุนน้ำมันฯ ติดลบ 1,633 ล้านบาท นับเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี เหตุจากรัฐนำเงินไปอุดหนุนราคา LPG และน้ำมันดีเซลที่ทำให้เงินไหลออกเดือนละเกือบ 6,000 ล้านบาท | ที่มาภาพ: Energy News Center
เมื่อช่วงเดือน ธ.ค. 2564 Energy News Center รายงานอ้างแหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน ระบุว่าปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เกิดภาวะติดลบแล้ว ซึ่งถือเป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 9 ปี โดย ณ วันที่ 12 ธ.ค. 2564 กองทุนน้ำมันติดลบอยู่ที่ -1,633 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน 20,198 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 21,831 ล้านบาท และในแต่ละเดือนกองทุนฯ มีเงินไหลออกเพื่อชดเชยราคา LPG ถึงเดือนละ 1,687 ล้านบาท และเงินไหลออกเพื่อชดเชยราคาน้ำมันดีเซลและน้ำมันจากพืชพลังงาน 4,276 ล้านบาทต่อเดือน รวมไหลออกประมาณ 6,000 ล้านบาทต่อเดือน ขณะที่เงินไหลเข้ามีเพียง 2,000 ล้านบาทต่อเดือน จากเหตุผลที่ประชาชนกลับมาใช้น้ำมันสำหรับเดินทางมากขึ้น ทำให้กองทุนฯ เก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันได้มากขึ้น แต่ยังไม่เพียงพอต่อรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทางด้านกองทุนน้ำมันฯ เชื่อว่า จะดูแลราคาพลังงานได้จนถึงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2565 นี้ จากเงินที่เหลืออยู่ 28,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระหนี้ แต่เตรียมไว้สำหรับชำระหนี้โรงกลั่นน้ำมันหรือเจ้าหนี้รายอื่นๆ จึงสามารถนำมาหมุนเวียนดูแลราคาพลังงานในระหว่างรอเงินกู้ได้ ส่วนเงินกู้ก้อนแรก 20,000 ล้านบาทคาดว่าจะเข้ามาในระบบกองทุนฯได้ในเดือน มิ.ย. 2565 เป็นต้นไป
ส่วนกรณีที่กระทรวงพลังงานได้ขอให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ ใช้เงินจาก พ.ร.บ.เงินกู้ มาชดเชยราคา LPG แทนกองทุนน้ำมันชั่วคราวนั้น กองทุนฯ ได้ทำเรื่องขอใช้เงินประมาณ 4 เดือน ในวงเงิน 2,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้ในเดือน ม.ค. 2565 นี้ แต่สภาพัฒน์ ต้องการช่วยเหลือเฉพาะภาคครัวเรือน ขณะที่ปัจจุบันไม่มีการแยกกลุ่มผู้ใช้ LPG มานานแล้ว ทำให้กองทุนฯต้องเร่งจัดหาวิธีแยกการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มภาคครัวเรือน เพื่อส่งให้ทางสภาพัฒน์พิจารณา ส่วนกลุ่มขนส่งและอุตสาหกรรมนั้น ทางกองทุนฯจะเข้ามาช่วยเหลือต่อ เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันของผู้ใช้ LPG ดังนั้นหาก กบง.มีมติยกเลิกชดเชยราคา LPG ก็ยังมีการช่วยเหลือราคาจากทางสภาพัฒน์ต่อไปได้ ซึ่งเชื่อว่าผู้ใช้ LPG จะไม่ได้รับผลกระทบในระยะแรกของปี 2565 แต่อย่างใด
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ