ข้อมูลจากเฟซบุ๊ก และเบน แอนด์ คอมพานีระบุว่า 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งรวมถึงประเทศไทยนั้น มีประชาชนใช้จ่ายทางออนไลน์รวมกันเพิ่มขึ้น 70 ล้านคนนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 | ที่มาภาพประกอบ: Tim Reckmann (CC BY 2.0)

เมื่อช่วงเดือน ก.ย. 2564 สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานว่าข้อมูลจากเฟซบุ๊ก และเบน แอนด์ คอมพานีระบุว่า 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งรวมถึงประเทศไทยนั้น มีประชาชนใช้จ่ายทางออนไลน์รวมกันเพิ่มขึ้น 70 ล้านคนนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ การที่รัฐบาลสนับสนุนให้ประชาชนอยู่บ้านเพื่อชะลอการแพร่ระบาดนั้น ส่งผลให้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หันมาใช้อุปกรณ์ดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมถึงการบริการอีคอมเมิร์ซ การสั่งอาหารทางออนไลน์ และการชำระเงินทางออนไลน์

เฟซบุ๊ก และเบน แอนด์ คอมพานีคาดการณ์ว่าแนวโน้มดังกล่าวจะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากที่ทำการสำรวจประชาชนกว่า 16,000 คนในอินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนามพบว่า จำนวนลูกค้าที่ใช้ระบบดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มพุ่งขึ้นถึง 350 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้

ภายในสิ้นปี 2564 นี้ เฟซบุ๊ก และเบน คอมพานีคาดการณ์ว่า กว่า 70% ของประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปใน 6 ประเทศที่ได้รับการสำรวจนี้ จะยังคงจับจ่ายซื้อของทางออนไลน์ และคาดว่าจำนวนผู้ที่ใช้จ่ายทางออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะพุ่งขึ้นแตะ 380 ล้านคนภายในปี 2569

ในบรรดาประเทศที่ได้รับการสำรวจครั้งนี้ อินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงมีอัตราการขยายตัวของการใช้จ่ายออนไลน์สูงที่สุด โดยจำนวนประชาชนที่ใช้จ่ายทางออนไลน์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 15% สู่ระดับ 165 ล้านคนในปี 2564 จากระดับ 144 ล้านคนในปี 2563