นักวิชาการแนะจัดสรรงบฯ ชดเชยรายได้ให้ธุรกิจและพนักงานที่ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งของรัฐ

กองบรรณาธิการ TCIJ 28 เม.ย. 2564 | อ่านแล้ว 1934 ครั้ง

นักวิชาการแนะจัดสรรงบฯ ชดเชยรายได้ให้ธุรกิจและพนักงานที่ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งของรัฐ

นักวิชาการแนะจัดสรรงบประมาณชดเชยรายได้ให้กับกิจการและผู้ใช้แรงงานที่ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งของรัฐ ให้แรงจูงใจ-หักลดหย่อนภาษีให้เอกชนที่ได้ช่วยเหลือกิจการสาธารณสุขรับมือการระบาดระลอก 3-4 ให้ Tax Credit กับเอกชนที่ช่วยจัดหาวัคซีน โดยนำเงินงบประมาณปี 2564-2565 ที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนมาใช้ตามข้อเสนอดังกล่าว | ที่มาภาพประกอบ: GlobalCapital

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2564 นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง และอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต ระบุว่าการออกคำสั่งเพื่อให้ปิดกิจการของกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19 นั้น จะทำให้ผู้ใช้แรงงานรายวันและกิจการขนาดเล็กขนาดย่อมได้รับผลกระทบอย่างมาก จึงขอเสนอให้มีการจัดสรรงบประมาณชดเชยรายได้ให้กับผู้ใช้แรงงานและผู้ประกอบการในกิจการขนาดย่อมและขนาดเล็กทั้งหมดที่ถูกคำสั่งปิดกิจการโดยอำนาจรัฐ อย่างของกรุงเทพมหานคร มีการสั่งปิดกิจการ 31 ประเภทเป็นระยะเวลา 14 วัน การปิดกิจการดังกล่าวมีความจำเป็นเนื่องจากยอดการติดเชื้อรายวันของไทยขึ้นไปสูงกว่าประเทศอังกฤษซึ่งเป็นประเทศที่มีการแพร่ระบาดรุนแรง นอกจากนี้ไทยยังสามารถฉีดวัคซีนได้ไม่ถึง 2% ของประชากร อยู่ในอันดับรั้งท้ายในระดับโลกและในภูมิภาค อาเซียน

รัฐควรให้แรงจูงใจทางด้านภาษีและการหักลดหย่อนภาษีให้กับบุคคลหรือเอกชนที่ได้ช่วยเหลือกิจการสาธารณสุขของประเทศเพื่อรับมือระบาดระลอก 3 และระลอก 4 และให้ Tax Credit กับเอกชนที่ช่วยจัดหาวัคซีนและฉีดวัคซีน โดยให้นำเงินงบประมาณในปี 2564-2565 ที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนมาใช้ตามข้อเสนอดังกล่าว หรือ ออกพันธบัตรระยะยาวกู้เงินมาสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว

อนุสรณ์ ระบุว่าแม้นจะมีมาตรการ Lockdown บางส่วน ประเมินผู้ติดเชื้ออาจเพิ่มขึ้นไปแตะระดับหนึ่งแสนคนในช่วงเดือน มิ.ย. 2564 โดยการระบาดน่าจะแตะระดับสูงสุดต้นเดือน พ.ค. 2564 โดยน่าจะติดเชื้อถึงวันละ 3,000-4,500 คนต่อวันได้ และอาจทะยอยลดลงได้หากการควบคุมมีประสิทธิภาพและเร่งฉีดวัคซีนให้ได้วันละ 500,000 คนต่อวัน หากไม่สามารถฉีดวัคซีนให้ได้ในระดับดังกล่าว ขอแนะนำให้เลื่อนการเปิดประเทศไปก่อน ก่อนหน้านี้ตนเคย ได้คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 อาจทรุดหนักถึงขั้นติดลบได้เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกจากการแพร่ระบาดระลอก 3 และทำให้อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจทั้งปีไม่น่าจะถึง 2% หากปล่อยให้มีคนติดเชื้อมากกว่าหนึ่งแสนคนขึ้นไป แม้นเปิดประเทศแต่จะไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามา การคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวจากต่างชาติจะเข้ามาในประเทศไทยสามล้านคนเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ การประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้จะต้องทบทวนกันใหม่หลังจากเห็นภาพที่ชัดเจนเรื่องประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการฉีดวัคซีนและการควบคุมการแพร่ระบาดระลอกสาม

ทั้งนี้การเร่งฉีดวัคซีนพร้อมการเตรียมการรับมือผู้ป่วยจำนวนมากทั้งการสร้างโรงพยาบาลภาคสนามเพิ่ม การเตรียมอุปการทางการแพทย์และยารักษาโรคให้เพียงพอ การจัดการผลิตหน้ากากอนามัยและเจล ล้างมือและแอลกอฮอล์ให้เพียงพอต่อความต้องการ โดยตนขอเสนอให้รัฐบาลสั่งการให้หน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุขและกองทัพจัดสร้างโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น เพื่อให้โรงพยาบาลหลักสามารถรองรับผู้ป่วยหนักในโรคร้ายอื่น ๆ ได้อย่างเต็มที่ รัฐต้องสนับสนุนให้โรงงานเร่งผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อให้เพียงพอต่อความต้องการเพิ่มขึ้นในอนาคต

อนุสรณ์ ยังกล่าวอีกว่าการระบาดระลอกสามก่อปัญหาการว่างงานเพิ่มขึ้นอีกจากวิกฤติเลิกจ้างที่ดำรงอยู่แล้ว สถานการณ์เลิกจ้างอาจรุนแรงกว่าปีที่แล้ว หากภาคส่งออกไม่ขยายตัวตามเป้า ส่วนการคาดหวังนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากกว่า 3 ล้านคนในปีนี้มีความเป็นไปได้น้อยมาก แรงงานในภาคการท่องเที่ยว การบริการอาหาร กิจการบันเทิงและสันทนาการมีความเสี่ยงถูกเลิกจ้างสูงสุด ฉะนั้นหากส่งออกไทยสามารถขยายตัวได้ในระดับมากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนต่อเนื่องจากการขยายตัวเป็นบวกในระดับสูงในเดือนมีนาคมจะช่วยบรรเทาปัญหาการว่างงานในภาพรวมได้บ้าง โดยสินค้าที่ขยายตัวสูง คือ กลุ่มอาหารและสินค้าเกษตร สินค้าที่เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น ถุงมือยาง ชุดป้องกันเชื้อ เป็นต้น กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า การจ้างงานในกิจการอุตสาหกรรมส่งออกเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นแต่ไม่สามารถช่วยทำให้การจ้างงานในบางภาคเศรษฐกิจดีขึ้นโดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวและธุรกิจบันเทิงกลางคืนเพราะเป็นตลาดแรงงานคนละส่วนกัน หากสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ในโลกยังยืดเยื้อรุนแรง บริษัทผลิตและจำหน่ายวัคซีนและยา อุปกรณ์ทางการแพทย์และบริการประกันสุขภาพจะยังคงมีการเติบโตสูงไปอีกหลายปี

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: