เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2564 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอดังนี้
1. ให้ยกเลิกหลักเกณฑ์การกำหนดสถานะกลุ่มเป้าหมายตามยุทธศาสตร์การจัดการสถานะและสิทธิบุคคลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2553 (เรื่อง ขออนุมัติหลักเกณฑ์การกำหนดสถานะกลุ่มเป้าหมายตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล)
2. หลักเกณฑ์การกำหนดสถานะและสิทธิของบุคคลที่อพยพเข้ามาและอาศัยอยู่มานาน (หลักเกณฑ์ฯ) เพื่อใช้ทดแทนหลักเกณฑ์ตามข้อ 1
สาระสำคัญของเรื่อง
สมช. รายงานว่า
1. โดยที่หลักเกณฑ์การกำหนดสถานะกลุ่มเป้าหมายตามยุทธศาสตร์การจัดการสถานะและสิทธิของบุคคลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2553 มีข้อจำกัดและไม่ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด เนื่องจาก (1) ได้กำหนดเงื่อนเวลาของบุคคลที่จะได้รับการกำหนดสถานะบุคคลว่าต้องเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 10 ปี โดยจะต้องเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยภายในวันที่ 18 มกราคม 2538 และ (2) มีบุคคลที่ยังคงตกหล่นจากการสำรวจเพื่อจัดทำทะเบียนประวัติ โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
การดำเนินการกำหนดสถานะบุคคลกลาง |
จำนวนประมาณ (คน) |
กลุ่มเป้าหมายทั้งหมด |
1,170,000 |
ได้รับการกำหนดสถานะให้อาศัยอยู่ในไทยอย่างถาวรแล้ว |
820,000 |
คงเหลือต้องพิจารณากำหนดสถานะ แบ่งเป็น 2 ส่วน |
400,000 |
1. กลุ่มผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิที่ไม่ได้เกิดในไทยและรัฐบาลได้สำรวจจัดทำทะเบียนไว้ในอดีตภายใต้การอนุมัติของคณะรัฐมนตรี [ไม่รวมกลุ่มที่เกิดในไทยซึ่งจะได้รับการแก้ไขปัญหาตามมติคณะรัฐมนตรี (7 ธันวาคม 2559)] |
350,000 |
2. กลุ่มที่ตกหล่นจากการจัดทำทะเบียนประวัติตามมติคณะรัฐมนตรีในอดีตแต่ได้รับการจัดทำทะเบียนภายใต้พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ตามข้อ 2.1) |
50,000 |
2. ต่อมากระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาข้อจำกัด (ตามข้อ 1) ในการกำหนดสถานะบุคคล ดังนี้
2.1 การจัดทำทะเบียนประวัติให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่ตกหล่นตามมาตรา 19/2 และมาตรา 38 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบด้วย 2 กลุ่ม ได้แก่ (1) กลุ่มที่อ้างว่าตกสำรวจแต่มีภูมิลำเนาต่อเนื่องในประเทศไทยและไม่มีสถานะตามกฎหมาย และ (2) กลุ่มคนไร้รากเหง้า โดยเปิดโอกาสให้กลุ่มคนที่อ้างว่ามีปัญหาสถานะและสิทธิที่มีภูมิลำเนาชัดเจนและอาศัยอยู่ในไทยต่อเนื่องสามารถยื่นคำร้องขอจดทะเบียนและรับบัตรประจำตัวผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน (เลขประจำตัว 13 หลัก ขึ้นต้นด้วยเลข 0) เพื่อแสดงตัวตนก่อนพิจารณาสถานะต่อไป
2.2 การแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลของเด็กนักเรียน นักศึกษา และบุคคลไร้สัญชาติที่เกิดในราชอาณาจักรไทยตามมติคณะรัฐมนตรี (7 ธันวาคม 2559) โดย มท. ได้เสนอหลักเกณฑ์ซึ่งแก้ไขปัญหาผู้มีปัญหาสถานะบุคคลที่เกิดในประเทศไทยเป็นกรณีเร่งด่วน โดยมีหลักเกณฑ์สำคัญ คือ ให้บุตรของคนที่อพยพเข้ามาในราชอาณาจักรไทย และอาศัยอยู่เป็นเวลานาน ครอบคลุมกลุ่มชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ โดยต้องอาศัยอยู่ในประเทศไทยต่อเนื่อง 15 ปี นับตั้งแต่วันจดทะเบียนประวัติ และให้ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป
3. สมช. จัดทำหลักเกณฑ์ฯ ขึ้นโดยยึดกรอบหลักการเดิมตามมติคณะรัฐมนตรี (7 ธันวาคม 2553) แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขบางประการให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในปัจจุบัน รวมถึงสอดคล้องกับความมั่นคงและผลประโยชน์ของประเทศ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ฯ มีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
ประเด็น |
รายละเอียด |
||||||||||||
กลุ่มเป้าหมาย |
2 กลุ่มหลัก ได้แก่
|
||||||||||||
หลักเกณฑ์ทั่วไป |
เช่น - มีภูมิลำเนาและอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 15 ปี นับถึงวันที่ยื่นคำขอมีสถานะเป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย - มีชื่อในทะเบียนบ้านหรือทะเบียนประวัติ และมีเลขประจำตัว 13 หลัก - มีความจงรักภักดีต่อประเทศไทยและเลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข - มีความประพฤติดีและไม่มีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของไทย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกำหนด ไม่เคยรับโทษคดีอาญา ยกเว้นความผิดโดยประมาทหรือลหุโทษ - หากได้รับโทษในคดีอาญา ต้องพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีนับถึงวันที่ยื่นคำร้อง เว้นแต่โทษในคดียาเสพติดฐานเป็นผู้ค้าหรือผู้ผลิตให้ขยายระยะเวลาจาก 5 ปี เป็นไม่น้อยกว่า 10 ปี - ประกอบอาชีพสุจริตโดยมีใบอนุญาตทำงานหรือหนังสือรับรองจากนายอำเภอท้องที่ ยกเว้นเด็กที่มีอายุไม่เกิน 18 ปีบริบูรณ์ พระภิกษุ สามเณร และนักบวชในศาสนาอื่น ซึ่งต้องปฏิบัติกิจมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี และคนพิการ (แล้วแต่กรณี) |
||||||||||||
หลักเกณฑ์เฉพาะกลุ่ม |
|
||||||||||||
หมายเหตุ ให้กรมการปกครองกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยของบุคคลดังกล่าวให้เหมาะสม สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนและความมั่นคงของประเทศ |
4. ในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2563 เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2563 ที่ประชุมมีมติให้ความเห็นชอบหลักเกณฑ์ฯ (ตามข้อ 3) และมอบหมายให้ สมช. เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ