บทความโดย 'ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์' ว่าด้วย กยศ. และการสร้างวินัยทางการเงินของนักศึกษาที่จะเป็นอนาคตของชาติ ย้ำ “มีหนี้ ต้องจ่าย ถ้าจ่ายไม่ได้ ผู้กู้และกองทุนต้องรู้ว่าเพราะอะไร และต้องหาทางแก้ไขร่วมกัน”
กองทุน กยศ. ตั้งขึ้นเมื่อปี 2539 ด้วยงบประมาณ 3,000 ล้านบาท ดำเนินการในลักษณะทุนหมุนเวียนที่ไม่ได้มีการแสวงหาผลกำไร เพื่อให้โอกาสทางการศึกษากับนักเรียน นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์
ตั้งแต่ปี 2561 สามารถเป็นกองทุนหมุนเวียนที่ไม่ต้องพึ่งงบประมาณแผ่นดิน โดยกองทุนมีเงินหมุนเวียนจากการชำระคืนปี 2564 กว่า 32,100 ล้านบาท
ที่ผ่านมา มีผู้กู้ยืมได้รับโอกาสทางการศึกษาไปแล้ว 6,284,005ราย คิดเป็นเงินให้กู้ยืมกว่า 702,309 ล้านบาท โดยมี ผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการชำระหนี้จำนวน 3,559,421 ราย, ผู้กู้ยืมที่ชำระหนี้เสร็จสิ้น ปิดบัญชีแล้ว 1,660,129 ราย
ส่วนผู้กู้ยืมที่มีปัญหาในการชำระหนี้ กองทุนก็ได้ขยายระยะเวลามาตรการลดหย่อนหนี้ช่วยเหลือผู้กู้ยืมต่อเนื่องจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2565 ดังนี้
- ลดอัตราการคิดเบี้ยปรับจากเดิม 12%-18% เหลือ 0.5% ต่อปี สำหรับผู้กู้ยืมที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี
- ลดดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจาก 1% เหลือเพียง 0.01% ต่อปี สำหรับผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนกองทุนและไม่เคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้
- ลดเงินต้น 5% สำหรับผู้กู้ยืมที่ไม่เคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้และต้องการปิดบัญชีในคราวเดียว
- ลดเบี้ยปรับ 100% สำหรับผู้กู้ยืมทุกกลุ่มที่ชำระหนี้ปิดบัญชี
- ลดเบี้ยปรับ 80% สำหรับผู้กู้ยืมที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีที่ชำระหนี้ค้างทั้งหมดให้มีสถานะปกติ
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ ให้ผู้กู้ที่ยังไม่ถูกฟ้องคดี และมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการผ่อนชำระเงินคืน จากเดิมกำหนดผ่อนชำระเป็นรายปี ผ่อนไม่เกิน 15 ปี เป็นผ่อนชำระเป็นรายเดือนในอัตราเท่ากันทุกเดือน ผ่อนไม่เกิน 30 ปี
การช่วยผู้กู้ที่มีปัญหาในการชำระหนี้ ต้องเป็นแนวทางที่ตรงกับสาเหตุของปัญหา จึงจะแก้ปัญหาให้กับตัวบุคคลและตัวกองทุนได้ ในเมื่อทั้งเบี้ยปรับและดอกเบี้ย ได้ถูกลดมาต่ำมากจนไม่ใช่สาเหตุของปัญหาแล้ว จำเป็นไหมที่จะต้องลดให้เหลือศูนย์
กองทุนมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี มีรายรับจากเบี้ยปรับและดอกเบี้ยราว 6,000 ล้านบาทต่อปี ตรงนี้ที่ทำให้สามารถเป็นกองทุนหมุนเวียนโดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณแผ่นดิน ค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุนสูงไปไหมเทียบกับประสิทธิภาพในการบริหารกองทุน เป็นอีกเรื่องที่ต้องพิจารณา หากเห็นว่า ที่ผ่านมา รายรับส่วนนี้สูงไป หรือค่าใช้จ่ายสูงไป ก็ไปหาแนวทางลดลงให้คงเหลือเท่าที่จำเป็นสำหรับให้กองทุนพึ่งตัวเองได้
นอกเหนือจากประเด็นของการสนับสนุนให้กองทุนยังคงความเป็นกองทุนหมุนเวียนได้ โดยไม่ต้องพึ่งหางบประมาณแผ่นดิน หากกองทุนต้องกลับมาพึ่งงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งก็คือภาษีจากประชาชน สิ่งที่เราทุกคนควรให้ความสำคัญ คือ การสร้างวินัยทางการเงินของนักศึกษาที่จะเป็นอนาคตของชาติต่อไป
พ.ร.บ. กยศ. ยังเหลือขั้นตอนการพิจารณาของวุฒิสภา ที่คนส่วนมากยังสนใจตรงแค่ ดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ จะเป็นเท่าไร ทั้งที่ประเด็นนี้ ยังไม่สำคัญเท่ากลไกการบริหารจัดการของกองทุน และสถาบันการศึกษา รวมถึงภาคประชาสังคม ที่ต้องร่วมกันส่งเสริมการสร้างจิตสำนึกให้อนาคตของชาติไทยว่า “มีหนี้ ต้องจ่าย ถ้าจ่ายไม่ได้ ผู้กู้และกองทุนต้องรู้ว่าเพราะอะไร และต้องหาทางแก้ไขร่วมกัน”
นโยบายใดก็ดีที่ออกมา ต้องไม่สร้างอันตรายทางศีลธรรม (moral hazard) ที่เอื้อให้คนอยากผิดวินัย ตรงนี้สำคัญที่สุดที่อยากจะฝากวุฒิสภาและพวกเราทุกคนให้คำนึงถึง
*เผยแพร่ครั้งแรกในเพจ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ 27 ก.ย. 2565
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ