พาณิชย์เผยเดือน มี.ค. 65 ว่ามีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 7,164 ราย ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 19% ธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการมีจำนวน 926 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 17%
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานเมื่อช่วงปลายเดือน เม.ย. 2565 ว่านายจิตรกร ว่องเขตกร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการจดทะเบียนธุรกิจในเดือน มี.ค. 2565 ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 7,164 ราย ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 19% ซึ่งอยู่ที่ 8,841 ราย และลดลง 1% จากเดือนกุมภาพันธ์ 65 ซึ่งอยู่ที่ 7,211 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียน จำนวน 25,939.56 ล้านบาท
โดยประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 682 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 397 ราย คิดเป็น 5% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 247 ราย คิดเป็น 3%
ขณะที่ในช่วงไตรมาส 1/65 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ รวม 22,347 ราย โดยเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/64 ซึ่งอยู่ที่ 14,902 ราย เพิ่มขึ้น 50% และเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/64 ซึ่งอยู่ที่ 23,389 ราย จะลดลง 4% โดยมูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ ในไตรมาสที่ 1/65 มีจำนวนทั้งสิ้น 74,397.53 ล้านบาท
โดยประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรกในช่วงไตรมาส 1/2565 ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 2,362 ราย คิดเป็น 10% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 1,048 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 696 ราย คิดเป็น 3%
ธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการ ในเดือน มี.ค. 2565 มีจำนวน 926 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 17% ซึ่งอยู่ที่ 790 ราย และเพิ่มขึ้น 38% จากเดือนกุมภาพันธ์ 65 ซึ่งอยู่ที่ 669 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 12,380.99 ล้านบาท
โดยประเภทธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 92 ราย คิดเป็น 10% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 42 ราย คิดเป็น 4% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 32 ราย คิดเป็น 3%
สำหรับในช่วงไตรมาส 1/2565 มีจำนวน 2,594 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 40,472.15 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ประเภทธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 241 ราย คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 125 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 79 ราย คิดเป็น 3%
นายจิตรกร กล่าวว่า ส่งผลให้มีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 65 จำนวน 828,706 ราย มูลค่าทุน 19.73 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 200,733 ราย คิดเป็น 24.22% บริษัทจำกัด 626,635 ราย คิดเป็น 75.62% และบริษัทมหาชนจำกัด 1,338 ราย คิดเป็น 0.16%
สำหรับการลงทุนประกอบธุรกิจในไทย ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ในเดือนมีนาคม 65 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 53 ราย แบ่งเป็น ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 17 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 36 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 10,838 ล้านบาท
ส่วนนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 12 ราย เงินลงทุน 1,873 ล้านบาทรองลงมา ได้แก่ ฮ่องกง จำนวน 7 ราย เงินลงทุน 767 ล้านบาท และจีน จำนวน 6 ราย เงินลงทุน 3,896 ล้านบาท
ดังนั้น ส่งผลให้ในช่วงไตรมาส 1/65 มีคนต่างชาติได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 146 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 26,384 ล้านบาท
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ