จับตา: 'ย่อยศพปุ๋ยหมัก' อีกทางเลือกรักษ์โลก

กองบรรณาธิการ TCIJ 5 ก.ค. 2565 | อ่านแล้ว 2573 ครั้ง


The Natural Funeral ในรัฐโคโรลาโด สหรัฐ เสนอทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับผู้ที่จากโลกนี้ ทั้งการฝังดิน การย่อยสลายร่างของผู้วายชนม์ด้วยน้ำที่ดีต่อระบบนิเวศ และล่าสุดก็คือการแปรสภาพศพให้กลายเป็นปุ๋ยหมัก | ที่มาภาพประกอบ: Earth Island Institute

VOA รายงานเมื่อช่วงเดือน มิ.ย. 2022 ว่าในปัจจุบัน คนจำนวนไม่น้อยพยายามที่จะใช้ชีวิตในแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่เจ้าของธุรกิจบริการฌาปนกิจแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ มีแนวคิดที่ไปไกลกว่า และนำเสนอบริการที่ช่วยให้ผู้วายชนม์ มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย

สถานประกอบพิธีฌาปณกิจที่ชื่อว่า The Natural Funeral ที่ตั้งอยู่ในรัฐโคโรลาโด เป็นสถานประกอบการธุรกิจแตกต่างจากคู่แข่งอื่น ๆ เพราะว่าที่นี่มีทางเลือกในการจัดการกับศพแบบครบวงจรและเป็นมิตรต่อระบบนิเวศ โดยไม่เกี่ยวข้องกับสารเคมี

เซธ วิดดอล เจ้าของร่วมธุรกิจแห่งนี้อธิบายให้ วีโอเอ ว่าปัจจุบัน หลายคนเลือกที่จะใช้ชีวิต ด้วยการทำตามแนวปฏิบัติ รีไซเคิล ลดปริมาณขยะ รวมไปถึงเลือกการเดินแทนที่จะนั่งรถ เพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และเมื่อมาถึงประเด็นจัดการกับศพ ทาง The Natural Funeral จึงเสนอทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับผู้ที่จากโลกนี้ไปด้วย ทั้งการฝังดิน การย่อยสลายร่างของผู้วายชนม์ด้วยน้ำที่ดีต่อระบบนิเวศ และล่าสุด ก็คือ การแปรสภาพศพให้กลายเป็นปุ๋ยหมัก

กระบวนการที่ฌาปนสถานแห่งนี้ดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามแนวคิดรักษ์โลก ก็คือ การบรรจุร่างของผู้ที่จากโลกไปแล้วใส่ในลังไม้บุฉนวนความยาวมากกว่า 2 เมตร ซึ่งจะทำหน้าที่ช่วยเร่งย่อยสลายตามธรรมชาติด้วยความร้อนตามหลักชีวเคมีเพื่อฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ทุกอย่างภายในลังนั้นกลายมาเป็นดินอินทรีย์ที่มีความอุดมสมบูรณ์ในที่สุด

วิดดอล อธิบายเพิ่มเติมถึงกระบวนการนี้ว่า นอกจากจะบรรจุร่างของคนอันเป็นที่รักที่จากไปไว้ในโลงนั้นแล้ว ทีมงานยังใส่เศษไม้ เศษหญ้าและฟางลงไปด้วย โดยวัตถุต่าง ๆ เหล่านี้เป็นส่วนประกอบในการทำปุ๋ยหมักอยู่แล้ว ซึ่งเรียกว่า สารเพิ่มปริมาณ ซึ่งจะช่วยทำให้ศพย่อยสลาย แปรสภาพเป็นดินคุณภาพดีได้ต่อไป

ทางด้านของผู้ใช้บริการอย่าง คาร์ล แฟรงค์ ที่ภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้ เห็นว่า การจัดการศพแบบธรรมชาติ เป็นวิธีที่เหมาะสมกับความต้องการ และเปิดเผยว่า ภรรยาของเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการทำสวนเป็นอย่างมาก และมักใช้เวลาทำสวนหลายชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเขาก็วางแผนไว้ว่า หลังเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว จะนำดินจากฌาปนสถานในปริมาณ 1 ลูกบาศก์ฟุต มาแบ่งให้กับลูกชายและครอบครัว และตัวของเขาเอง เพื่อนำดินโปรยตามสถานที่ต่าง ๆ โดยคิดว่า จะนำดินส่วนใหญ่ไว้ที่สวนของภรรยาที่บริเวณหลังบ้าน

ผู้ที่สนับสนุนการย่อยสลายร่างผู้วายชนม์ให้กลายเป็ยนปุ๋ยหมักให้ทัศนะว่า การใช้วัสดุท้องถิ่นนั้นดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าที่การใช้โลงที่ผลิตและขนย้ายมาจากพื้นที่อื่น และวิธีดังกล่าวยังไม่สร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการเผา และไม่เปลืองพื้นที่ในการฝังแบบปกติธรรมเนียมด้วย

นับตั้งแต่ที่รัฐโคโรลาโดผ่านกฏหมายอนุญาตให้ทำการย่อยสลายร่างกายมนุษย์ให้เป็นปุ๋ยด้วยวิธีการตามธรรมชาติในปีที่ผ่านมา The Natural Funeral ได้ให้บริการลูกค้ามามากกว่า 24 ราย ซึ่งรายงานข่าวระบุว่า มีลูกค้ารายแรกชื่อว่า “โจอี้” เป็นวัยรุ่นผู้ชายที่มีความรักในธรรมชาติ

เซธ วิดดอล เจ้าของร่วมธุรกิจ The Natural Funeral เล่าย้อนกลับไปในช่วงเริ่มต้นว่า ครอบครัวของโจอี้ บอกว่า เด็กวัยรุ่นคนนี้รักสิ่งแวดล้อม และชอบใช้ชีวิตอยู่กลางแจ้ง ดังนั้น จึงรู้สึกว่าร่างกายของโจอี้ควรกลับสู่ธรรมชาติในรูปแบบของขวัญต่อผืนโลก และครอบครัวของเขายังได้นำดินจากการย่อยสลายบางส่วนกลับไปไว้ยังสวนที่บ้านด้วย

ทั้งนี้ ดินที่ได้จากกระบวนการย่อยสลายนั้นจะมีปริมาณอยู่ที่ราว 2-3 กระบะ โดย The Natural Funeral จะคิดค่าใช้จ่ายสำหรับกระบวนการดังกล่าว ในราคา 8,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 272,000 บาท ต่อ 1 ร่าง

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: