คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) เห็นชอบคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมายพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค เร่งขับเคลื่อนกระตุ้นลงทุนพื้นที่เขต ศก.พิเศษ มุ่งกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค - ทบทวนกิจการเป้าหมายและสิทธิประโยชน์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 10 แห่ง - ปรับมาตรการสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุน
เมื่อช่วงปลายเดือน ต.ค. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) โดยระบุว่า การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่จะพัฒนาฐานการลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่ให้เติบโต เพื่อช่วยกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค และสนับสนุนการพลิกโฉมประเทศไทย ซึ่งรวมถึงการเพิ่มโอกาสให้กับเศรษฐกิจฐานรากให้ได้รับประโยชน์จากการพัฒนาอย่างทั่วถึง ตลอดจนการเชื่อมโยงและกระจายประโยชน์ไปยังพื้นที่โดยรอบและจังหวัดอื่นๆ ในภาค
เห็นชอบคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมายพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค
ซึ่งที่ประชุมในวันนี้ ได้พิจารณาเรื่องสำคัญโดยเฉพาะการกำหนดกิจการเป้าหมายสำหรับส่งเสริมการลงทุนเป็นการเฉพาะในเขตเศรษฐกิจพิเศษ และส่งเสริมการพัฒนาสภาพแวดล้อม (Ecosystem) ให้พร้อมเพื่อดึงดูดการลงทุนของภาคเอกชน โดยที่ประชุม กพศ. มีมติที่สำคัญ 3 เรื่อง ดังนี้
1. การกำหนดกิจการเป้าหมายและสิทธิประโยชน์สำหรับระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค โดยที่ประชุมเห็นชอบคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมายสำหรับพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ทั้ง 4 ภาค เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเป็นการเฉพาะ และเหมาะสมตามศักยภาพของแต่ละพื้นที่ และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เสนอคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเพื่อพิจารณากำหนดมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษตามแนวทางที่ กพศ. ให้ความเห็นชอบต่อไป โดยมีพื้นที่และคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย ดังนี้
ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (Northern Economic Corridor : NEC - Creative LANNA) ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง ส่งเสริมคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ 1)อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ 2)อุตสาหกรรมดิจิทัล 3) อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) และ 4) อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร
ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (Northeastern Economic Corridor : NeEC - Bioeconomy) ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย ส่งเสริมคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ 1) อุตสาหกรรมชีวภาพ และ 2) อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร
ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลาง-ตะวันตก (Central - Western Economic Corridor : CWEC) ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นครปฐม สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี ส่งเสริมคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ 1) อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร และ 2) อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (Southern Economic Corridor : SEC) ในพื้นที่จังหวัดชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ส่งเสริมคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ 1) อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร 2) อุตสาหกรรมชีวภาพ และ 3) อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism)
นอกจากนี้ กพศ. ได้เห็นชอบข้อเสนอมาตรการ/ปัจจัยสนับสนุนที่จะให้แก่ผู้ประกอบกิจการในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อส่งเสริมสภาพแวดล้อม (Ecosystem) ให้เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจและขยายการลงทุน โดยมีมาตรการที่สำคัญ ได้แก่ (1) การให้สิทธิประโยชน์ (ทางภาษีและมิใช่ภาษี) (2) การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (3) การพัฒนากำลังคน ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ประกอบการ (4) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญและสิ่งอำนวยความสะดวก (5) การสนับสนุนเงินทุน และ (6) การแก้ไขกฎระเบียบเพื่อส่งเสริมการประกอบกิจการ รวมทั้งกำหนดมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติมรายคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทบทวนกิจการเป้าหมายและสิทธิประโยชน์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 10 แห่ง
2. การทบทวนกิจการเป้าหมายและสิทธิประโยชน์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 10 แห่ง โดยที่ประชุมเห็นชอบการทบทวนกิจการเป้าหมายและสิทธิประโยชน์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 10 แห่ง (ตาก สงขลา สระแก้ว ตราด เชียงราย หนองคาย นครพนม มุกดาหาร กาญจนบุรี และนราธิวาส) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และแนวโน้มด้านเศรษฐกิจและสังคมของพื้นที่ที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่อเพิ่มโอกาสการลงทุนของภาคเอกชน โดยเฉพาะ SMEs สรุปดังนี้
เพิ่มเติมประเภทกิจการส่งเสริมการลงทุนอีก 17 ประเภทกิจการ (จาก 72 ประเภทกิจการ เป็น 89 ประเภทกิจการ) โดยตัวอย่างประเภทกิจการที่เสนอเพิ่มเติม เช่น กิจการผลิตผลิตภัณฑ์จากยางธรรมชาติ กิจการบริการสาธารณสุขด้านแพทย์แผนไทย กิจการผลิตพลังงานไฟฟ้าหรือพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำจากพลังงานหมุนเวียน เป็นต้น
ปรับมาตรการสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุน
ปรับมาตรการสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุน (โดยจะเริ่มปี 2566) ให้สิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุนใน 13 กลุ่มกิจการ 89 ประเภทกิจการ ทั้ง 10 เขตพัฒนาเศรษฐกิจชายแดน โดยไม่กำหนดระยะเวลาสิ้นสุด
โดย กพศ. ได้มอบหมายให้ BOI เสนอคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เพื่อพิจารณากำหนดมาตรการส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนตามแนวทางที่ กพศ. ให้ความเห็นชอบ และมอบหมายอนุกรรมการภายใต้ กพศ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการดำเนินงาน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน/การประกอบธุรกิจ (Business Ecosystems) อาทิ การเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการศูนย์ OSS การลดขั้นตอนอนุมัติอนุญาตในการจัดตั้งและประกอบธุรกิจ
3. การพิจารณาผลการคัดเลือกผู้ลงทุนในพื้นที่ราชพัสดุ ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก โดยที่ประชุมเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนให้เป็นผู้ได้รับสิทธิพัฒนาในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ตามข้อเสนอของคณะทำงานสรรหา คัดเลือก เจรจา และกำกับติดตามการดำเนินการของผู้ลงทุนในที่ดินราชพัสดุที่กำหนดเป็นพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยมีรูปแบบโครงการลงทุนเป็นการจัดสรรพื้นที่ให้เช่าโดยเป็นผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่ารวมประมาณ 830 ล้านบาท เนื้อที่ประมาณ 1,076 ไร่ ประกอบด้วย พื้นที่อุตสาหกรรม (Factory Zone) 53% (564 ไร่) พื้นที่สำนักงาน/ศูนย์จำหน่ายสินค้า/ศูนย์ประชุม (Amenity Core) 5% (57 ไร่) และพื้นที่สีเขียว (Green Space) 15% (159 ไร่) และให้กรมธนารักษ์ พิจารณาดำเนินการตามกฎระเบียบ และขั้นตอนของทางราชการต่อไป
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ