ดัชนีความไม่สงบ (Civil Unrest Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่ติดตามสถานการณ์ใน 198 ประเทศระบุว่า มี 101 ประเทศที่มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเกิดความไม่สงบในไตรมาส 3/2565 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2559 | ที่มาภาพ: Bloomberg
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานเมื่อต้นเดือน ก.ย. 2565 ว่างานวิจัยซึ่งรวบรวมโดยเวริสก์ เมเพิลครอฟต์ (Verisk Maplecroft) ซึ่งเป็นบริษัทด้านการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลระบุว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดความไม่สงบได้เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลกในขณะนี้ ขณะที่ประเทศในกลุ่มพัฒนาแล้วและกลุ่มตลาดเกิดใหม่กำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ตลอดจนความวุ่นวายที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากการที่รัสเซียส่งกำลังทหารเข้าทำสงครามในยูเครน
ดัชนีความไม่สงบ (Civil Unrest Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่ติดตามสถานการณ์ใน 198 ประเทศระบุว่ามี 101 ประเทศที่มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเกิดความไม่สงบในไตรมาส 3 ของปีนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2559
งานวิจัยดังกล่าวยังระบุด้วยว่า มีแนวโน้มมากขึ้นที่จะเกิดความไม่สงบทั่วยุโรป ซึ่งเป็นภูมิภาคที่จะเผชิญกับปัญหาขาดแคลนพลังงานในฤดูหนาว อันเป็นผลมาจากสงครามในยูเครน เช่นเดียวกับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่กำลังเผชิญกับการพุ่งขึ้นของราคาอาหารที่จำเป็น ซึ่งเป็นชนวนเหตุที่ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตอาหารทั่วโลก โดยภัยคุกคามดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะขยายตัวขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ทั้งนี้ ความไม่สงบมีแนวโน้มที่จะเกิดจากการชุมนุมประท้วงของประชาชนและการประท้วงผละงานของแรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งอาจทำลายโครงสร้างทางสังคมของประเทศต่าง ๆ
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ