เปิดรายละเอียด 'โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อย เพื่อใช้ในการบริหารจัดการแหล่งน้ำและซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร นำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ปี 2565-2567'
เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2565 คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ 'โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อย เพื่อใช้ในการบริหารจัดการแหล่งน้ำและซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร นำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ปี 2565-2567' โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบโครงการชดเชยดอกเบี้ยใหกับเกษตรกรชาวไร่อ้อยสำหรับบริหารจัดการแหล่งน้ำและซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรในไร่อ้อยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5 ) ปี 2565 - 2567 โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สนับสนุนสินเชื่อให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อย กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร สถาบันชาวไร่อ้อย กลุ่มบุคคล และวิสาหกิจชุมชน วงเงินปีละ 2,000 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 6,000 ล้านบาท ดังนี้
1.1 กำหนดระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นตามโครงการ โดยแยกตามวัตถุประสงค์การกู้เงิน หากกู้เงินเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งโดยการพัฒนาแหล่งน้ำและพัฒนาระบบการให้น้ำและเพื่อปรับพื้นที่ปลูกอ้อย กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน 6 ปี และหากกู้เงินเพื่อซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน 8 ปี
1.2 ให้รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ย โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามโครงการ ดังนี้
1.2.1 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามโครงการสำหรับเกษตรกรรายคน คิดดอกเบี้ยในอัตรา MRR โดยเรียกเก็บจากผู้กู้ในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. แทนผู้กู้ในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี และ ธ.ก.ส. รับภาระในส่วนที่เหลือ (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR เท่ากับร้อยละ 6.50 ต่อปี คิดจากผู้กู้ร้อยละ 2 รัฐบาลชดเชยร้อยละ 3 ธ.ก.ส. รับภาระร้อยละ 1.50 ต่อปี)
1.2.2 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามโครงการสำหรับกลุ่มเกษตรกรหรือสหกรณ์การเกษตร หรือสถาบันชาวไร่อ้อย หรือกลุ่มบุคคล หรือวิสาหกิจชุมชน คิดดอกเบี้ยในอัตรา MLR โดยเรียกเก็บจากผู้กู้ในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. แทนผู้กู้ในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี และ ธ.ก.ส. รับภาระในส่วนที่เหลือ (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MLR เท่ากับร้อยละ 4.875 ต่อปี คิดจากผู้กู้ร้อยละ 2 รัฐบาลชดเชยร้อยละ 2 ธ.ก.ส. รับภาระร้อยละ 0.875 ต่อปี)
1.2.3 กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ วัตถุประสงค์เพื่อจัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร ประเภทรถบรรทุกและพ่วงบรรทุก ให้เรียกเก็บจากผู้กู้ในอัตราร้อยละ 4 ต่อปี รัฐบาลไม่ต้องชดเชยดอกเบี้ยในส่วนนี้ และ ธ.ก.ส. รับภาระในส่วนที่เหลือ (เดิม ธ.ก.ส. รับภาระร้อยละ 1 ต่อปี จากอัตรา MLR - 1)
2. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยสำหรับบริหารจัดการแหล่งน้ำและซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรในไร่อ้อยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ปี 2565 - 2567 ให้กับ ธ.ก.ส. จำนวน 789.75 ล้านบาท
สาระสำคัญของเรื่อง
อก. รายงานว่า
1. อก. โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ได้ร่วมกับ ธ.ก.ส. สถาบันชาวไร่อ้อย และโรงงานน้ำตาล ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจรมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ได้แก่ โครงการฯ ปี 2559 - 2561 และปี 2562 - 2564 โดยโครงการดังกล่าวเป็นการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่เกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยบางส่วนให้ ธ.ก.ส. และมีโรงงานน้ำตาลเป็นผู้ค้ำประกัน เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ได้แก่ (1) การพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำในไร้อ้อย (เช่น การขุดบ่อสระกักเก็บน้ำ การสร้างระบบส่งน้ำ เป็นต้น) และการปรับพื้นที่เพาะปลูกอ้อยเป็นแปลงใหญ่ให้เหมาะสมกับเครื่องจักรกลการเกษตร และ (2) การจัดซื้อเครื่องจักรกลทางการเกษตร (เช่น รถตัดอ้อย รถแทรกเตอร์ และรถบรรทุกอ้อย เป็นต้น) อันจะเป็นการสนับสนุนเป้าหมายการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยครบวงจร สนับสนุนการจัดหาแหล่งน้ำและบริหารจัดการน้ำเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเมื่อเกิดภัยแล้ง ลดปัญหาอ้อยไฟไหม้ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานในไร่อ้อย โดยโครงการทั้งสองโครงการได้มีการจ่ายเงินกู้จนสิ้นสุดระยะเวลาจ่ายเงินกู้แล้ว มีผลการดำเนินงาน ดังนี้
กิจกรรม |
ผลการจ่ายเงินกู้โครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร |
|
โครงการฯ ปี 2559 -2561 |
โครงการฯ ปี 2562 - 2564 |
|
1. การพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อย |
สัญญา 592 สัญญา ต้นเงิน 118.00 ล้านบาท |
สัญญา 856 สัญญา ต้นเงิน 135.97 ล้านบาท |
2. การปรับพื้นที่ปลูกอ้อย (เฉพาะโครงการฯ ปี 2562 - 2564) |
- |
สัญญา 21 สัญญา ต้นเงิน 19.12 ล้านบาท |
3. การจัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรยกเว้นรถแทรกเตอร์และรถบรรทุกอ้อย (เช่น รถตัดอ้อย รถคีบอ้อย เป็นต้น) |
สัญญา 394 สัญญา ต้นเงิน 2,679.44 ล้านบาท |
สัญญา 751 สัญญา ต้นเงิน 3,770.33 ล้านบาท |
4. การจัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรประเภทรถแทรกเตอร์และรถบรรทุกอ้อย |
สัญญา 665 สัญญา ต้นเงิน 818.20 ล้านบาท |
สัญญา 470 สัญญา ต้นเงิน 653.58 ล้านบาท |
รวม |
สัญญา 1,651 สัญญา ต้นเงิน 3,615.64 ล้านบาท (ร้อยละ 40.17 ของเป้าหมาย) |
สัญญา 2,098 สัญญา ต้นเงิน 4,579.00 ล้านบาท (ร้อยละ 76.32 ของเป้าหมาย) |
เป้าหมายโครงการ |
ต้นเงิน 9,000.00 ล้านบาท (ปีละ 3,000.00 ล้านบาท) |
ต้นเงิน 6,000.00 ล้านบาท (ปีละ 2,000.00 ล้านบาท) |
ระยะเวลาการจ่ายเงินกู้ |
6 กันยายน 2559 - 30 กันยายน 2561 |
19 กรกฎาคม 2562 - 30 กันยายน 2564 |
2. อก. เห็นว่า ควรมีการดำเนินโครงการในรูปแบบดังกล่าวข้างต้นต่อเนื่องเป็นระยะที่ 3 อีก 3 ปี ปี 2565 - 2567 เนื่องจากในปัจจุบันและอนาคตอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายยังมีความจำเป็นต้องมีแหล่งเงินกู้และอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมเพื่อจัดหาแหล่งน้ำไว้ใช้ยามขาดแคลนในการบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อย การปรับพื้นที่การปลูกอ้อยมุ่งสู่เกษตรแปลงใหญ่ การจัดหาเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อทดแทนแรงงาน การส่งเสิรมการตัดอ้อยสดเพื่อให้ได้อ้อยสดคุณภาพดี และการลดอ้อยไฟไหม้เพื่อฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และได้เปลี่ยนชื่อโครงการจาก เดิม “โครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร” เป็น “โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยสำหรับบริหารจัดการแหล่งน้ำและซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรในไร่อ้อยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ปี 2565 - 2567” เพื่อให้เกิดความชัดเจนและตรงตามวัตถุประสงค์ของการดำเนินโครงการ โดยมีรูปแบบการดำเนินโครงการในหลักการเช่นเดียวกับโครงการที่ได้เคยดำเนินการมาแล้วในปี 2559 - 2561 และปี 2562 - 2564 สรุปได้ ดังนี้
2.1 เป้าหมาย
จัดหาแหล่งเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อใช้ในการปลูกอ้อยและบริหารจัดการไร่อ้อยอย่างครบวงจร โดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการการเตรียมพื้นที่ การเตรียมดิน การปลูกอ้อย การบำรุงรักษา การตัดอ้อย การขนอ้อยส่งโรงงานและการนำใบอ้อยไปใช้ประโยชน์ ในระยะเวลา 3 ปี วงเงินสินเชื่อปีละ 2,000 ล้านบาท ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 - 2567
2.2 วัตถุประสงค์การกู้เงินและวงเงินกู้ โดยวงเงินกู้แต่ละรายเมื่อรวมทุกวัตถุประสงค์แล้ว ต้องไม่เกิน 38.05 ล้านบาท
2.2.1 เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อย รายละไม่เกิน 500,000 บาท ได้แก่ (1) การขุดบ่อสระกักเก็บน้ำ (2) การเจาะบ่อบาดาล (3) การจัดทำระบบน้ำ (4) การจัดซื้อเครื่องสูบน้ำและอุปกรณ์ให้น้ำในไร่อ้อย และ (5) การรวมกลุ่มสร้างหรือพัฒนาปรับปรุงระบบการส่งน้ำ โดยการรวมกลุ่มชาวไร้อ้อยและโรงงานน้ำตาลเป็นผู้เสนอในรูปแบบของโครงการ
2.2.2 เพื่อปรับพื้นที่ปลูกอ้อย เป็นแปลงใหญ่ให้เหมาะสมกับเครื่องจักรกลการเกษตร รายละไม่เกิน 500,000 บาท ในอัตราไม่เกินไร่ละ 2,500 บาท
2.2.3 เพื่อจัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร
(1) รถตัดอ้อย รายละไม่เกิน 15 ล้านบาท
(2) รถคีบอ้อย รายละไม่เกิน 2 ล้านบาท
(3) รถแทรกเตอร์ รายละไม่เกิน 6 ล้านบาท
(4) อุปกรณ์ส่วนควบ (เช่น เครื่องสางใบอ้อย เครื่องกวาดใบอ้อย เป็นต้น) รายละ 50,000 บาท - 5 ล้านบาท ตามวงเงินที่กำหนดไว้ในแต่ละรายการ
(5) รถบรรทุกและพ่วงบรรทุก รายละไม่เกิน 5 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีเงื่อนไขวงเงินกู้ที่กำหนดไว้เพิ่มเติมด้วย เช่น รถตัดอ้อยใหม่ขนาดใหญ่ วงเงินกู้ไม่เกิน 15 ล้านบาท รถตัดอ้อยเก่าขนาดเล็ก วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท
2.3 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้
2.3.1 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามโครงการสำหรับเกษตรกรรายคน คิดดอกเบี้ยในอัตรา MRR โดยเรียกเก็บจากผู้กู้ในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. แทนผู้กู้ในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี และ ธ.ก.ส. รับภาระในส่วนที่เหลือ
(ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR เท่ากับร้อยละ 6.50 ต่อปี คิดจากผู้กู้ร้อยละ 2 รัฐบาลชดเชยร้อยละ 3 ธ.ก.ส. จึงรับภาระร้อยละ 1.50 ต่อปี)
2.3.2 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามโครงการสำหรับกลุ่มเกษตรกรหรือสหกรณ์การเกษตร หรือสถาบันชาวไร่อ้อย หรือกลุ่มบุคคล หรือวิสาหกิจชุมชน คิดดอกเบี้ยในอัตรา MLR โดยเรียกเก็บจากผู้กู้ในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. แทนผู้กู้ในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี และ ธ.ก.ส. รับภาระในส่วนที่เหลือ
(ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MLR เท่ากับรอยละ 4.875 ต่อปี คิดจากผู้กู้ร้อยละ 2 รัฐบาลชดเชยร้อยละ 2 ธ.ก.ส. จึงรับภาระร้อยละ 0.875 ต่อปี)
2.3.3 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้วัตถุประสงค์เพื่อจัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร ประเภทรถบรรทุกและพ่วงบรรทุก ให้เรียกเก็บจากผู้กู้ในอัตราร้อยละ 4 ต่อปี รัฐบาลไม่ต้องชดเชยดอกเบี้ยในส่วนนี้ และ ธ.ก.ส. รับภาระในส่วนที่เหลือ (เดิม ธ.ก.ส. รับภาระร้อยละ 1 ต่อปี จากอัตรา MLR - 1)
2.4 วงเงินสินเชื่อจากเงินทุนของ ธ.ก.ส.
วงเงิน 2,000 ล้านบาทต่อปี ระยะเวลา 3 ปี รวมทั้งสิ้น 6,000 ล้านบาท โดยให้โรงงานน้ำตาลเป็นผู้ค้ำประกันลูกค้าผู้กู้แต่ละรายเต็มวงเงินกู้
2.5 ระยะเวลาชำระคืนเงินกู้
2.5.1 วัตถุประสงค์การกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยการพัฒนาแหล่งน้ำและพัฒนาระบบการให้น้ำ และเพื่อปรับพื้นที่ปลูกอ้อย กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน 6 ปี
2.5.2 วัตถุประสงค์การกู้เงินเพื่อการซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน 8 ปี
2.6 ระยะเวลาดำเนินการ
2.6.1 ระยะเวลาจ่ายเงินกู้ 3 ปี
วันที่ 1 ตุลาคม 2564 - 30 กันยายน 2567
2.6.2 ระยะเวลาดำเนินโครงการ
วันที่ 1 ตุลาคม 2564 - 30 กันยายน 2575
2.6.3 ระยะเวลาชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้
8 ปี โดยรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่ ธ.ก.ส. แทนผู้กู้ นับแต่วันรับเงินกู้ แต่ไม่เกินวันที่ 30 กันยายน 2575
2.7 งบประมาณ
กรอบงบประมาณเพื่อชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการให้กับ ธ.ก.ส. 789.75 ล้านบาท โดยรัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ย และให้ ธ.ก.ส. ขอรับจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ