กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผยไทย-ตุรกี เร่งเดินหน้าเจรจา FTA ประเด็นคงค้าง ตั้งเป้าปิดดีลภายในปี 2565 นี้ ชี้ตุรกีเป็นตลาดขนาดใหญ่ มีประชากรกว่า 80 ล้านคน โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อ อีกทั้งจะเป็นประตูการค้าไปสู่หลายประเทศ ทั้งสหภาพยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกาตอนเหนือ และเอเชียกลาง
เมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย. 2565 สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานว่านางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-ตุรกี (Turkey-Thailand Free Trade Agreement) ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ไทยและตุรกีได้จัดการประชุมคณะทำงานด้านกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า (Working Group on Rules of Origin: WGROO) เพื่อหารือประเด็นคงค้างเรื่องกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่จะชี้ให้เห็นถึงการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับสินค้าที่ซื้อขายระหว่างกัน
นางอรมน กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการด้านกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า เพื่อดูแลการดำเนินการด้านนี้ โดยเฉพาะหลังความตกลงฯ มีผลใช้บังคับ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ตกลงเรื่องการรักษาความลับของข้อมูลการตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าอีกด้วย โดยคณะทำงานด้านกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า ยังคงเดินหน้าประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกลอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้การเจรจามีความคืบหน้ามากที่สุด
ทั้งนี้ ไทยเคยมีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม FTA ไทย-ตุรกี ครั้งที่ 8 ในช่วงเดือน ธ.ค. 64 แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ต้องเลื่อนการจัดประชุมออกไป ซึ่งไทยมีแผนจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรอบต่อไป ในเดือน มิ.ย. นี้ โดยจะเร่งรัดการเจรจาในประเด็นคงค้าง อาทิ การค้าสินค้า สุขอนามัยและสุขอนามัยพืช อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า และประเด็นกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า โดยจะเร่งเดินหน้าการเจรจา FTA ไทย-ตุรกี ให้สำเร็จและสามารถสรุปผลได้ภายในปีนี้
"การจัดทำ FTA ระหว่างไทยและตุรกี จะเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกสินค้าของไทยมากขึ้น เนื่องจากตุรกีเป็นตลาดขนาดใหญ่ มีประชากรกว่า 80 ล้านคน โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อ อีกทั้งจะเป็นประตูการค้าไปสู่หลายประเทศ ทั้งสหภาพยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกาตอนเหนือ และเอเชียกลาง" นางอรมน กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 60-64) ไทยและตุรกีมีมูลค่าการค้าระหว่างกันเฉลี่ยต่อปี 1,465.71 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 0.30% ของมูลค่าการค้ารวมของไทยกับโลก โดยในปี 64 ไทยการส่งออกไปยังตุรกี มีมูลค่า 1,310.42 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 38.97% จากปีก่อนหน้า สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ รถยนต์และชิ้นส่วน ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน เส้นใยประดิษฐ์ สิ่งทอ และอาหารแปรรูป
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ