อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง 'ชัยวัฒน์' และพวก 4 คนคดีฆาตกรรม 'บิลลี่' กะเหรี่ยงแก่งกระจาน

กองบรรณาธิการ TCIJ 15 ส.ค. 2565 | อ่านแล้ว 1950 ครั้ง

อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง 'ชัยวัฒน์' และพวก 4 คนคดีฆาตกรรม 'บิลลี่' กะเหรี่ยงแก่งกระจาน

อัยการสูงสุด สั่งฟ้อง 'ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร' และพวก 4 คนคดีฆาตกรรมบิลลี่ กะเหรี่ยงแก่งกระจาน โดย 1 ในข้อหาคือ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธ ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว และร่วมกันอำพรางศพ - เจ้าตัวลั่นพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมสู้คดี ด้านปลัด ทส.ระบุยังไม่เห็นคำสั่ง แต่เตรียมหารือคืนตำแหน่งชัยวัฒน์ ตามคำสั่งศาลปกครองเพชรบุรี ให้ทุเลาการบังคับคดีเผาทรัพย์สินในสัปดาห์นี้ | แฟ้มภาพ: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

15 ส.ค. 2565 Thai PBS รายงานความคืบหน้ากรณีการหายตัวของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ กลุ่มอนุรักษ์บ้านบางกลอย อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ตั้งแต่ปี 2557 หรือ 8 ปีก่อน มีรายงานว่า นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และพวกรวม 4 คนคดีฆาตกรรมบิลลี่ เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยหนึ่งในข้อหาคือร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

โดยข้อหาที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ และพวกรวม 4 คน คือ

  • ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ อันเกิดแก่ตามที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนกระทำไว้
  • ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจโดยให้ผู้อื่นกระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง
  • ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย
  • ร่วมกันทุจริตหรืออำพรางคดี กระทำการใดๆแก่ศพ หรือสภาพแวดล้อม ในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป

ไทม์ไลน์คดีบิลลี่หายตัวนาน 8 ปี

สำหรับคดีของบิลลี่ หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.2557 ซึ่งหลังจากหายตัวไปนานเกือบ 5 ปีในช่วง พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดปฎิบัติการค้นหาความจริง จากใต้สะพานแขวนในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ด้วยการแกะรอยจากถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร 1 ถัง เหล็กเส้น 2 เส้น ถ่านไม้ 4 ชิ้น และเศษฝาถังน้ำมัน

เมื่อสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำการตรวจพิสูจน์พบว่า วัตถุเป็นชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะข้างซ้ายของมนุษย์ มีรอยไหม้น้ำตาล ร่วมกับรอยแตกร้าว และการหดตัวของกระดูกจากการถูกความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 200-300 องศาเซลเชียส

ปฏิบัติการเชิงรุกเชื่อมโยงหาผู้ก่อคดี พุ่งเป้าไปที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมบิลลี่ เมื่อปี 2557 คือ นายบุญแทน บุษราคำ นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ รวม 4 คน

กระทั่งนำมาสู่การออกหมายจับ วันที่ 12 พ.ย.2562 โดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยขณะนี้นายชัยวัฒน์ และพวกรวม 4 คน ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อต่อสู้คดี

อย่างไรก็ตาม ต่อมาวันที่ 24 ม.ค.2563 พนักงานอัยการ ได้พิจารณาสำนวนคดีแล้ว มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง นายชัยวัฒน์ และพวกใน 7 ข้อหาจาก 8 ข้อหา โดยมีความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ กับพวก ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 157 กรณียึดน้ำผึ้งป่าของบิลลี่ แล้วปล่อยตัวไปโดยไม่นำตัวส่งให้ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาลักของป่า

เจ้าตัวลั่นพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมสู้คดี

หลังจากเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลปกครองเพชรบุรี มีคำสั่งทุเลาบังคับคดีให้นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) กลับเข้ารับราชการไว้ก่อน หลังถูกปลดปมเผาทรัพย์สินชาวบ้านบางกลอย ตามคำสั่ง ทส.ลงวันที่ 2 เม.ย.2564

ล่าสุดมีรายงานว่านายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และพวกรวม 4 คนคดีฆาตกรรม นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ แล้วเมื่อ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา

วันนี้ (15 ส.ค.2565) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสออนไลน์ ว่า ยังไม่เห็นกรณีที่มีเอกสารจากอัยการสูงสุด มีความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ ในคดีของนายบิลลี่

แต่กรณีที่ศาลปกครองสูงสุดจังหวัดเพชรบุรี มีคำสั่งให้ทุเลากลับเข้ารับราชการไว้ ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนนำเข้าพิจารณาในที่ประชุม อ.ก.พ.กระทรวงทส.ขอตำแหน่งเฉพาะตัว จากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) มาก่อนตามคำสั่งศาลปกครองเพชรบุรี ทำตามที่ศาลสั่งก่อน

เมื่อถามว่าตอนนี้มีคดีอาญาเกิดขึ้นแล้วจะมีการทบทวนหรือไม่ ปลัดทส.กล่าวว่า ยังไม่เห็นเรื่องดังกล่าว ตอนนี้ปฏิบัติตามทำตามที่ศาลสั่งปกครองก่อน คือให้ทุเลาการบังคับคดีก่อน

“แต่คำสั่งของอัยการสูงสุดยังไม่เห็น ค่อยว่ากันอีกที เอาเรื่องที่ต้องปฏิบัติตามทำตามที่ศาลสั่งปกครองก่อน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกัน คนละคดี ”

ด้านนายชัยวัฒน์ ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่หนักใจที่มีคำสั่งออกมา และพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะไม่อยากชี้แจงอะไรแล้ว ไม่มีประโยชน์ เพราะถูกมองว่าเป็นการแก้ตัว ถ้าเข้าสู่กระบวนการไปต่อสู้กัน ว่าไปตามพยานหลักฐานต่างๆ กรณีนี้มีความพยายามสร้างพยานหลักฐานเท็จ เพื่อเอาผิดตัวเอง และขอว่าถ้าจะเอาผิดอย่าเอาคนอีก 3 คนมาเกี่ยวข้องด้วย

“ส่วนการทุเลาการบังคับคดี จากศาลปกครองจังหวัดเพชรบุรี ขณะนี้ทราบมาว่าจะมีการประชุม อ.ก.พ.กระทรวงทส.ในสัปดาห์นี้แล้ว ซึ่งต้องรอดูว่าจะมีข้อสรุปเรื่องนี้อย่างไร ถ้าจบก็พร้อมจะทำงานทุไม่ว่าจะสั่งไปอยู่ในตำแหน่งไหน ถ้าได้รับความเป็นธรรม ที่ผ่านมาสู้มาตลอด”


ที่มาเรียบเรียงจาก Thai PBS [1] [2]


ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: