BOI ลงนามความร่วมมือ JTRO ขยายโอกาสการลงทุนไทย-ญี่ปุ่น

กองบรรณาธิการ TCIJ 19 ม.ค. 2565 | อ่านแล้ว 9124 ครั้ง

BOI ลงนามความร่วมมือ JTRO ขยายโอกาสการลงทุนไทย-ญี่ปุ่น

BOI ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOC) เป็นภาคีกับ JTRO ส่งเสริมและขยายโอกาสการลงทุนระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ทั้งนี้ญี่ปุ่นลงทุนโดยตรง (FDI) ในไทยสูงสุดอันดับ 1 ปี 2564 มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวม 178 โครงการ คิดเป็น 22.7% จากโครงการลงทุนต่างประเทศทั้งหมด มูลค่าเงินลงทุนรวม 80,733 ล้านบาท คิดเป็น 17.7% ของมูลค่าเงินลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด

เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2565 นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า บีโอไอ และองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ เจโทร ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOC) เพื่อส่งเสริมการลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทยแบบภาคี ให้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ในการส่งเสริมให้บริษัทญี่ปุ่นที่ประกอบกิจการในประเทศไทยขยายการลงทุนเพิ่มเติม โดยเฉพาะการลงทุนด้านเทคโนโลยีขั้นสูง การวิจัยและพัฒนาเพื่อต่อยอดอุตสาหกรรมในประเทศไทย

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการเผยแพร่ข่าวสารที่ทันสมัย และเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนทั้งสองประเทศ พร้อมทั้งสนับสนุนการเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่น การจับคู่ธุรกิจ และต่อยอดโครงการลงทุนที่ประสบความสำเร็จในอนาคต “ความร่วมมือเป็นภาคีในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ในการบรรลุเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการลงทุนระหว่างสองประเทศอย่างใกล้ชิดมากขึ้น รวมถึงการมีส่วนร่วมในนโยบายสำคัญในการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นมากขึ้นระหว่างไทยและญี่ปุ่น รวมทั้งผลักดันนโยบาย BCG ของรัฐบาล เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยในอนาคต” นางสาวดวงใจกล่าว

สำหรับการลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOC) ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น โดยมีนายฮากิอุดะ โคอิจิ (H.E. HAGIUDA Koichi) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่น และนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนาม โดยนางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และนายทาเคทานิ อัทสึชิ (Mr. TAKETANI Atsushi) ประธาน เจโทร กรุงเทพฯ เป็นผู้ลงนามฝ่ายญี่ปุ่น

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการลงทุนโดยตรง (FDI) ในประเทศไทยสูงสุดเป็นอันดับ 1 โดยในปี 2564 มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวม 178 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 22.7 จากโครงการลงทุนต่างประเทศทั้งหมด มูลค่าเงินลงทุนรวม 80,733 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17.7 ของมูลค่าเงินลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด

ขณะที่การลงทุนในอุตสาหกรรม BCG ในช่วงปี 2564 มีมูลค่าขอรับการส่งเสริม 152,434 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 23.7 จากมูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งหมด สำหรับอุตสาหกรรม BCG ครอบคลุมพลังงานสะอาด อุตสาหกรรมไบโอเทคโนโลยี ฯลฯ ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยให้ความสำคัญเพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังการระบาดของโควิด-19

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: