ตู้หนังสือของแม่

absinthetc 25 ต.ค. 2565 | อ่านแล้ว 2367 ครั้ง


ความยาวนานของชีวิตในบ้านอาจทำให้คิดไปว่าเข้าใจทุกสิ่ง แต่ในความเป็นจริงที่ถูกมองข้าม บ้านคือความเป็นมาชั่วอายุคน ปะปนไปด้วยความคิด ละเลงความรู้สึกลงไปในสิ่งของ จัดแสดงนิทรรศการแห่งความสัมพันธ์ กระนั้นก็ซุกซ่อนบางสิ่งที่ไม่อยากจดจำ แต่ไม่เคยถูกลืม

เธออาศัยอยู่กับแม่ แม่ในความรับรู้ของเธอเป็นผู้หญิงผมยาว แต่งกายทันสมัย มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะมอบให้ผู้อื่นเสมอ แต่ในขณะเดียวกันแม่เป็นผู้หญิงหัวโบราณทั้งที่อายุอานามยังไม่มาก เธอมักจะมองแม่ด้วยสายตาชื่นชมผสมด้วยความหงุดหงิดขัดใจ ลึกๆ เธอรู้สึกอับอายขายขี้หน้าเพื่อนนักกิจกรรมหรือนักวิชาการที่มีแม่หัวโบราณแถมต่อต้านประชาธิปไตยอีก

เธอตั้งคำถามซ้ำๆ ว่าแม่ของเธอไปจดจำหรือเข้าใจสิ่งใดมา ทำไมถึงห้ามหนักห้ามหนาเวลาเธอออกไปประท้วงขับไล่รัฐบาลเผด็จการ หรือแม้แต่เพียงแค่เธอตั้งสเตตัสทะลุเพดาน เธอยังถูกสั่งให้ลบความคิดของตนเองทิ้ง เธอเข้าใจและจดจำฝังลงไปในสมองว่าแม่ของเธอเป็นสลิ่ม จากพฤติกรรมรักและศรัทธาสถาบัน จากการเข้าร่วมม็อบกปปส.เวรตะไลที่ทำให้เธอกับคนรุ่นใหม่ต้องออกมาต่อสู้ หรือจากการที่แม่ของเธอขู่ว่าจะตัดเงินเดือนลงกว่าครึ่งถ้าเธอยังดึงดันจะทำกิจกรรมทางการเมืองอีกครั้ง

เธอเกลียดที่แม่เป็นคนแบบนั้น แม้ว่าแม่จะทำกับข้าวอร่อยที่สุดในโลก หรือพร่ำบอกว่ารักเธอดังดวงใจ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ยังเกลียดที่แม่ไม่เข้าใจการต่อสู้เรียกร้องของนักประชาธิปไตยอยู่ดี

เธอข้ามผ่านช่วงวัยสรรค์สร้างมาด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน แม้ไม่เคยได้พูดคุยเรื่องการเมืองกันอีก แม้ว่าเธอเองก็ยอมแพ้ต่อการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย แม้ว่าเธอจะผันตัวไปใช้เรื่องราวประวัติศาสตร์ร่วมสมัยบอกเล่าความจริง

ในวันนี้เธอกับแม่ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข แต่รอยถลอกเล็กๆ ในใจยังไม่หายไปไหน คำถามยังคงวนเวียนแม้เธอจะใช้งานวิชาการที่ศึกษาฝ่ายขวามาเป็นยากล่อมประสาทว่าเธอ เข้าใจความคิดของแม่ แต่ภายในยังคงหวังว่าสักครั้งแม่จะหันมาภาคภูมิใจในสิ่งที่เธอกำลังสร้าง หรือแวะมาดูนิทรรศการของเธอสักครั้ง

ในเดือนตุลาคมของปีที่เธอจบการศึกษา หลังจากเจรจากับแม่เรื่องที่เธอไม่เข้าพิธีรับปริญญาได้ไม่นาน เธอมีโอกาสได้จัดนิทรรศการเกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มนิยมเจ้า เธอจำได้แม่นว่าตู้หนังสือของแม่มีหนังสือนิยายของนักเขียนที่ขายฝันให้ฝ่ายขวา แต่จัดรายการวิทยุฆ่าฝ่ายซ้าย

ด้วยความที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นเด็กหญิงช่างฝัน และ “ทรรศิกากัญญาวดี” เจ้าหญิงผู้งดงามในหนังสือดั่งดวงหฤทัยเคยทำให้เธอหลงใหล ภาพจินตนาการความสวยงามของแคว้นกาสิกยังเลือนรางอยู่ในใจเธอจนถึงทุกวันนี้ หากแต่ความสวยงามถูกบดขยี้จนยับเยินด้วยภาพจากเหตุการณ์ 6 ตุลา เพราะเนื้อหาไม่กี่บรรทัดในหนังสือเรียนประวัติศาสตร์ดึงดูดความสนใจของเธอที่กำลังอยู่ในวัย มัธยม

เมื่อเธอเริ่มค้นหา ภาพนักศึกษานอนเรียงรายบนพื้นสนามหญ้าพุ่งตรงเข้ากระแทกความรับรู้ เธอค้นหาต่อไป ภาพผู้คนโดนทำร้ายทำให้เธอสงสัยว่าใครกันเป็นผู้กระทำ และแล้วคำตอบที่ได้กลับทำให้เธอแทบไม่เชื่อความสามารถในการอ่านของตนเอง เธอพยายามปะติดปะต่อเรื่องราว ใช้เวลาสะเทือนใจใคร่ครวญและทบทวนสิ่งที่รับรู้ จากวันแรกที่เริ่มสงสัย ผ่านไปเป็นเดือนเป็นปี จนเธอเข้าใจว่าใครที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สังหารหมู่ในวันนั้น

แคว้นกาสิกที่สวยงาม อโนทัยผู้มอบหัวใจให้ราชวงศ์ รวมถึงกระจกย้อนเวลาในห้องของมณีจันทร์นั้นไม่เคยเหมือนเดิมในสายตาของเธออีกเลย

ครั้งหนึ่งแม่เหน็บแนมเธอว่าอ่านแต่หนังสือของพวกล้มเจ้า ไม่หัดอ่านประวัติศาสตร์ที่เป็นความจริงบ้าง ระวังถูกล้างสมอง เธอเถียงกลับด้วยอารมณ์ขุ่นข้องเนื่องจากเธอรู้ดีว่าหนังสือที่แม่ให้ ‘หัดอ่าน’ นั้นมีความเป็นมาอย่างไร หลังจากวันนั้นตู้หนังสือของเธอกับแม่ก็แยกออกจากกัน เธอย้ายหนังสือของเธอไปวางกองบนชั้นวางของข้างเตียงนอนที่จะถล่มแหล่ไม่ถล่มแหล่ ส่วนแม่ก็ยังเก็บหนังสือฝุ่นเขรอะไว้ในตู้ไม้ใหญ่เทอะทะเช่นเดิม

เมื่อเธอจำเป็นต้องใช้หนังสือของแม่ เธอกลับมาเปิดตู้ใหญ่ใบนั้น เธอรื้อทุกสิ่งออกมา และพบกล่องใบหนึ่งที่อยู่ลึกเข้าไปราวกับซ่อนตัวเองภายในงานของนักเขียนฝ่ายขวาชาตินิยม กล่องใบนั้นทำให้เธอรู้สึกสงสัยปนประหลาดใจ แม้เธอจะมองว่าเป็นของส่วนตัวของแม่ แต่เธอก็อดใจฝืนความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้เช่นกัน

เธอต้องประหลาดใจอีกครั้ง เมื่อภายในกล่องเรียงรายด้วยงานเขียนเพื่อชีวิตของคนฝ่ายซ้าย งานที่พูดถึงความฝันของกลุ่มนักศึกษาวัยสรรค์สร้าง งานเขียนต่อต้านอำนาจรัฐ แม้แต่บทกวีที่เธอคุ้นตา บรรดาหนังสือเหล่านั้นเคยเป็นความฝันของเธอ เคยสร้างตัวตนเธอขึ้นมา แต่น่าประหลาดใจเหลือเกินที่หนังสือแบบเดียวกันนั้นวางอยู่ในตู้ของแม่ ผู้ที่เธอไม่แม้แต่จะปริปากเล่าแนวคิดที่เธอหลงใหลให้ฟังเพราะคิดไปแล้วว่าเป็นขั้วตรงข้ามกัน

จากนั้นความทรงจำเริ่มผุดขึ้นในใจเธอ ในครั้งที่เธอยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย แม่ของเธอเป็นมีหนังสือนิทานและวรรณกรรมเยาวชนหลายเรื่อง หนังสือเหล่านั้นเป็นสิ่งที่แม่ใช้สร้างความสัมพันธ์ในบ้านหลังเล็ก แม่ชอบอ่านหนังสือให้เธอฟัง และยังสอนให้เธอเขียน โลกของเธอเต็มไปด้วยความรัก ความเศร้า ความตื่นเต้น และความสะเทือนใจ อารมณ์เหล่านั้นถูกรังสรรค์จากจินตนาการโดยมีหนังสือเป็นฐานความคิด เธอมีเด็กหญิงอีดะและเก้าอี้ไม้เป็นหนังสือเล่มโปรดในใจตั้งแต่ชั้นประถม เธอยังหลงใหลในความโหยหาของเก้าอี้ไม้ ยังคงหดหู่กับความแหลกสลายของสงคราม แม้เธอจะเป็นเพียงเด็กหญิงชั้นประถมต้น แต่เธอก็จดจำแม่ที่รักหนังสือและแม่ที่ทำให้เธอรักหนังสือได้ขึ้นใจ ความทรงจำในวัยเยาว์กลับปรากฏขึ้นอีกครั้งภายในตู้หนังสือของแม่

น่าเสียดายที่วรรณกรรมเยาวชนหลายเล่มจำเป็นต้องถูกรื้อทิ้งไปตอนที่เธอขึ้นชั้นประถมปลายและย้ายมาอยู่คอนโดในกรุงเทพ เมื่อพื้นที่ลดลง สิ่งของที่ถูกมองว่าไม่จำเป็นก็ถูกกำจัดทิ้ง แม่คงตั้งใจแล้วว่าหนังสือเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับแม่และเธออีกต่อไป

เธอเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความปกติของแม่ที่ไม่ค่อยเล่าเรื่องราวหรือประสบการณ์ด้านลบให้เธอฟัง เธอไม่เคยรู้จักชีวิตของแม่ ชีวิตที่หมายถึงความเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ใช่แม่คน ไม่ใช่ลูกสาวข้าราชการ ไม่แม้แต่สื่อสารความผิดหวังที่ไม่ได้เรียนในสิ่งที่ตั้งใจ หรือชีวิตที่ต้องเป็นแม่คนในวัยที่อายุยังน้อยกว่าเธอในตอนนี้

ครั้งหนึ่งในวัยเด็ก เธอเคยลองถามถึงความคิด ความฝัน และสิ่งต่างๆ ที่แม่อยากทำ แม่บอกกับเธอว่า แม่ไม่เคยมีความฝัน และพอมีเธอ ความฝันของแม่ก็คือลูก ในความเป็นเด็กไร้เดียงสา คำตอบนั้นทำให้เธอรู้สึกดี แต่เมื่อมองจากมุมของผู้หญิงและลูกสาววัย 24 ในวันนี้ แม่เป็นผู้หญิงที่เคยถูกทำร้าย ด้วยค่านิยมสังคม ด้วยปิตาธิปไตย หรือด้วยอะไรใดๆ ที่บีบบังคับให้ยอมทิ้งทุกสิ่งเพื่อครอบครัว

เธอนึกไปถึงวันหนึ่งที่พูดคุยเรื่องความฝันของแม่อีกครั้ง แต่เป็นช่วงเวลาเมื่อคราวที่เธอเป็นนักศึกษา เธอกับแม่ทุ่มเถียงกันอยู่นานหลังจากการชุมนุม เธอกลับถึงบ้านด้วยสภาพเปียกม่อล่อกม่อแล่กด้วยน้ำสีที่เจ้าหน้าที่ใช้สลายมวลชน เธอถามถึงความฝันของแม่อย่างเหลืออด ด้วยนัยค่อนขอดว่าแม่ไม่มีความหวังให้ประเทศพัฒนาบ้างหรือ แม่กลับมีท่าทีอ่อนลง จากนั้นแม่พูดขึ้นมาว่าสมัยเรียนแม่ก็เหมือนหนูนั่นแหละ อยากให้ประเทศดีขึ้น ไม่พอใจรัฐบาล ต้องการชีวิตเสรี แต่สุดท้ายก็ต้องอยู่กับความเป็นจริง

ในปี2535 แม่เป็นนักศึกษาชั้นปี 1 คณะครุศาสตร์ในวิทยาลัยครูต่างจังหวัด ขณะเดียวกันก็เป็นเพียงเด็กหญิงวัย 17 ปีที่ไม่ได้อยากเป็นครู เป็นผู้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย ขับไล่สุจินดา ในเหตุการณ์ที่วันนี้เรียกกันว่าพฤษภาทมิฬ อาจเป็นโชคดีที่แม่ไม่ได้เสียชีวิตหรือสูญหายไปด้วยการกระทำของรัฐ แต่อาจเป็นโชคร้ายถ้าความฝันของแม่หลุดลอยหายไป

เมื่อแม่ตักเตือนสั่งสอนเธอว่าอย่าไปยุ่งกับการเมืองเพราะความไม่ปลอดภัย แม่ได้เล่าเรื่องราวชีวิตและอีกความฝันให้เธอฟัง แต่เป็นความฝันที่เป็นได้เพียงความฝัน ไม่มีวันเป็นจริง

เพราะภายหลังจากเหตุการณ์สังหารหมู่กลางกรุง แม่กลับมาเรียนต่อจนจบปริญญาตรีด้วยเกียรตินิยมอันดับสองในวัย 20 ปี แม่ตั้งใจเรียนต่อปริญญาโทด้านจิตวิทยา แต่ปรากฏว่ามีเธอในท้องขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แม่พูดอย่างตรงไปตรงมาว่าถ้าเลือกได้คงไปทำแท้ง แต่พ่อของเธอและญาติๆ ไม่ยอม แม่จึงต้องยอมเก็บเธอเอาไว้ ทำให้แม่กลายเป็นแม่นับตั้งแต่วันนั้น

ไม่มีความโกรธเกลียดหรือผิดหวังในใจของเธอ เหลือเพียงความเห็นอกเห็นใจ เธอเข้าใจและอดชื่นชมในความกล้าตัดสินใจของแม่ไม่ได้ ตัวเธอนั้นยินดีที่จะไม่ได้เกิดมา มากกว่าเกิดในโลกที่ทำให้หัวใจของเธอแตกสลายในทุกวัน

ระหว่างที่เธอจัดเรียงหนังสือลงกล่องเพื่อเตรียมเดินทางไปแกลเลอรี เธอคิดถึงความเป็นไปได้มากมาย แม้เธอไม่เคยได้รู้ว่าแม่มองโลกอย่างไรหลังเหตุการณ์เลวร้ายวันนั้น แต่เธอมั่นใจว่าบางส่วนของความรู้สึกสูญเสียไหลเวียนอยู่ในตัวเธอ อยู่ในตัวของแม่ ทำให้เธอลงหลักปักฐานที่นี่ เช่นกันกับแม่ที่ลงหลักปักฐานในพื้นที่ของแม่

แม้ว่าเธอจะพยายามเข้าใจ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงมีคำถามมากมายไม่รู้จบ

หนังสือของแม่อาจไม่เคยถูกหยิบมาเปิดอ่านอีกเลยใช่ไหม
หนังสือบางส่วนอาจถูกโยนทิ้งด้วยจำใจไปกับรถซาเล้งขายของเก่าใช่ไหม
ความฝันถึงอิสรเสรีที่แม่มีคงค่อยๆ จางหายไปตามกาลเวลาใช่ไหม
เพราะอะไรถึงได้มีความศรัทธาเข้ามาแทนที่ หรืออาจจะมีอยู่ก่อนหน้าแล้ว
ความฝันของแม่ในตอนนั้นจะเหมือนกับเธอในวัยมหาวิทยาลัยไหม
ความฝันของแม่มันค่อยๆปลิวล่องลอยไปในวันที่รู้ตัวว่าต้องใช้ชีวิตในโลกความจริงเหมือนเธอในตอนนี้ไหม
แม่ยังมีเศษเสี้ยวริบหรี่ ต้องการโลกที่ดีกว่านี้เหมือนเธออยู่ไหม

เธออยากทำความรู้จักแม่ของเธอ อยากทำความเข้าใจในฐานะมนุษย์ที่รู้สึกสูญเสียเช่นเดียวกัน
แต่สำหรับเธอและแม้นั้น คงเป็นเรื่องยากเกินไปที่จะพูดคุยกันตรงๆ

 

*ติดตามผลงานอื่นๆ ของ absinthetc ได้ที่ https://absinthetc.readawrite.com

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: