สมาคมเอทานอล เสนอเปิดเสรีเอทานอล เลิกจำกัดผลิตได้เฉพาะเชื้อเพลิง และควรยกเลิกโซฮอล์ 91 เพื่อผลักดันยอดใช้เอทานอลรองรับอีวีบุกยานยนต์ ชี้ผลดีตกอยู่กับคนไทย พึ่งตนเอง ลดความผันผวนตลาดโลก
สำนักข่าวไทย รายงานเมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค. 2565 นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. อุบล ไบโอ เอทานอล หรือ UBE และนายกสมาคมเอทานอลจากมันสำปะหลัง เปิดเผยว่า สมาคมฯเตรียมเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อเสนอให้ผลักดันแก๊สโซฮอล์ E20 เป็นน้ำมันพื้นฐาน โดยยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 รวมทั้งเพิ่มส่วนต่างราคาแก๊สโซฮอล์ E20 กับแก๊สโซฮอล์ 95 เพื่อกระตุ้นการใช้ คาดว่าจะช่วยให้ปริมาณการใช้เอทานอลเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มเป็น 6-7 ล้านลิตรต่อวัน รวมทั้งได้หารือกับทางกระทรวงการคลังขอให้เปิดเสรีอุตสาหกรรมเอทานอลเพื่อให้นำไปใช้ในเกรดอุตสาหกรรม, เกรดยาได้ด้วยจะช่วยทดแทนการนำเข้าแอลกอฮอล์ได้ 70 ล้านลิตร/ปี โดยปัจจุบันโรงงานเอทานอลถูกจำกัดผลิตเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงเท่านั้น ในขณะที่หากจะนำไปผลิตแอลกอฮอล์เกรดทำความสะอาดทางการแพทย์ ก็ต้องขออนุญาตผลิตเป็นครั้งคราว
“ในขณะนี้รัฐบาลเดินหน้าส่งเสริมอีวีที่จะมาทดแทนกลุ่มแก๊สโซฮอล์ก็จะกระทบเอทานอลและเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยและมันสัมปะหลังตามไปด้วย ดังนั้นข้อเสนอยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91ให้อี 20 เป็นตัวหลักและเปิดเสรีเอทานอลก็จะช่วยให้เกิดการใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจช่วยลดความผันผวนจากราคาน้ำมันโลก” นายกสมาคมเอทานอลจากมันสำปะหลัง ระบุ
ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงงานเอทานอลทั้งจากมันสำปะหลังและกากน้ำมัน(โมลาส) รวม 27 แห่ง กำลังการผลิตรวมประมาณ 7 ล้านลิตรต่อวัน โรงงานที่เกิดขึ้นก็เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลในอดีตที่ส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพช่วยสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงทางพลังงานในช่วงราคาน้ำมันผันผวน โดยขณะนี้ราคาเอทานอลอยู่ที่ 27.54 บาทต่อลิตร ใกล้เคียงกับราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นฯ เนื่องจากในช่วงนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับลดลง เทียบกับในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ราคาน้ำมันดิบ 110 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ราคาหน้าโรงกลั่นจะอยู่ที่ 33 บาทต่อลิตร
ส่วนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มเบนซิน มีปริมาณการใช้รวม 30 ล้านลิตรต่อวัน แบ่งเป็น E20 ประมาณ 5 ล้านลิตรต่อวัน, E85 ประมาณ 1 ล้านลิตรต่อวัน แก๊สโซฮอล์ 95 ประมาณ 5-7 แสนลิตรต่อวัน และที่เหลือเป็นแก๊สโซฮอล์ 91 และน้ำมันเบนซิน
อย่างไรก็ตามสมาคมฯ ยังมีแผนที่จะนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาพัฒนาต่อยอดการใช้งานเอทานอล เพื่อนำไปเป็นวัตถุดิบในการพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงในกลุ่มอื่นๆ ในอนาคต อาทิ ไบโอพลาสติก ยา เชื้อเพลิงของเครื่องบิน สารสกัดต่างๆ เป็นต้น เชื่อมั่นว่าความร่วมมือผนึกกำลังของทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคเกษตรกร เพื่อแลกเปลี่ยน บูรณาการ สนับสนุน และส่งเสริมการดำเนินการให้ไปทิศทางเดียวกันเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ จะเป็นจุดแข็งที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเอทานอลให้เติบโตแบบองค์รวมได้อย่างยั่งยืน
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ