สมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เผยสถานการณ์ธุรกิจค้าปลีกค้าส่งของไทย โดยเฉพาะรายย่อยค่อยข้างนิ่ง ทั่วประเทศเหลือ 1 แสนราย เหตุรายใหญ่เพิ่มสาขาชุมชน
1 ก.ค. 2566 มติชนออนไลน์ รายงานว่านายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่พบปะสมาชิกร้านค้าย่อย(โชห่วย)ทั่วประเทศ พบว่า สถานการณ์ธุรกิจค้าปลีกค้าส่งของไทย โดยเฉพาะรายย่อยค่อยข้างนิ่ง ปัจจัยหลักจากการรอดูสถานการณ์การเมืองที่ยังวุ่นกับเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ และจบปัญหาการตั้งประธานสภาฯ รวมถึงไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรอีกหรือไม่ หากความเห็นที่แตกต่างรุนแรงและเกิดการปะทะบนถนน จึงกระทบต่ออารมณ์การใช้จ่าย ผนวกกับเศรษฐกิจโดยรวมไม่ได้ดีอย่างที่ควรเป็น เพราะมีปัญหาสะสมค้างคาหลายเรื่อง ทั้งต้นทุนสูง ค่าใช้จ่ายการใช้ชีวิตสูงขึ้น ราคาสินค้าที่ปรับขึ้นก่อนหน้านี้ยังทรงตัวในระบบสูง ปัญหาหนี้สิน ต้นทุนดอกเบี้ยและการปรับขึ้นค่าแรงที่กำลังมา อีกทั้งการส่งออกหดตัว ส่งผลต่อการผลิต การท่องเที่ยวจากต่างชาติก็ยังต้องรอช่วงไฮซีซั่น และหลายพื้นที่เจอแล้งหนัก กระทบต่อผลผลิตลดลงมาก จึงส่งผลให้ยอดการค้า 2 เดือนที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ตกลง 50%
"ในไตรมาส 3 ค้าปลีกยังน่าห่วง ทั้งบรรยากาศการเมือง เข้าหน้าฝน และการแข่งขันที่สูงขึ้น โดยเฉพาะค้าปลีกรายใหญ่ปรับวิธีการหันเพิ่มสาขาเล็กลง เปิดตามชุมชน บริการส่งถึงที่ เปิดค้าออนไลน์ ด้วยสายป่านที่ยาวกว่าร้านค้าแบบดั้งเดิมหรือโชห่วย ทำให้ร้านค้าย่อยยิ่งอยู่ได้ลำบาก วันนี้ร้านค้าย่อยทั่วประเทศที่เคยมี 4-5 แสนราย เหลือเพียง 1 แสนรายที่ยังสู้ค้าขายต่อ ที่เหลือค้าขายเพื่้อให้อยู่ได้และบางส่วนรอให้ตายไปเอง ขณะที่รายใหญ่และทุนต่างชาติเข้มแข็งขึ้น จากการแตกย่อยสาขาเล็กลง และเจ้าของสินค้าที่เคยป้อนตลาดสดและร้านค้าย่อย ก็หันมาเปิดจุดจำหน่ายเอง อย่าง จุดขายเนื้อหมู ไก่ ไข่ โดยที่เจ้าของฟาร์มเลี้ยงทำเอง" นายสมชาย กล่าว
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ