ช่วงต้นปี 2566 'หมูเถื่อน' ที่มีต้นทางจากประเทศบราซิล อาร์เจนติน่า เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ยังคงกระจายทั่วทุกภาค ตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน และภาคกลาง ล่าสุดช่วงต้นปีจับได้ที่อุบลราชธานี ได้ของกลาง 4,000 กิโลกรัม และที่เชียงรายของกลางมาจากเม็กซิโกมากกว่า 200 กิโลกรัม จากนั้นจึงข้ามแม่น้ำโขงมาขึ้นฝั่งไทย | ที่มาภาพ: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่าเปิดศักราชใหม่ 2566 ครบวาระ 1 ปี “หมูเถื่อน” ที่มีต้นทางจากประเทศบราซิล อาร์เจนติน่า เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และประเทศอื่นๆ ยังคงท่องเที่ยวทั่วไทยทุกภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน และภาคกลาง พร้อมกับที่ไทยเปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวจากนานาประเทศ หลักฐานสำคัญที่ตอกย้ำว่าหมูเถื่อนยังวนเวียนอยู่ในไทย คือ ทหารเรือ (นรข.) จับกุมการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนแช่แข็ง 2 คดี ในเวลาใกล้เคียงกันเมื่อช่วงเดือน ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา ที่อุบลราชธานี ได้ของกลาง 4,000 กิโลกรัม และที่เชียงรายของกลางมาจากเม็กซิโกมากกว่า 200 กิโลกรัม จากนั้นจึงข้ามแม่น้ำโขงมาขึ้นฝั่งไทย
หากติดตามหมูเถื่อนลักลอบเข้าไทยของหมูเถื่อน เพื่อฉวยโอกาสทำกำไรจากส่วนต่างราคาสูงในประเทศแล้ว จะต่อจิ๊กซอจนเห็นภาพได้ดี ว่า หลังกรมปศุสัตว์ ตำรวจและทหารไทย เอาจริงจังกับการปราบปรามหมูเถื่อนช่วงไตรมาส 4 ปี 2565 จากท่าเรือแหลมฉบัง ก็หันหัวเรือไปขึ้นท่าใหม่ที่ เวียดนาม กัมพูชา ลาว และลักลอบเข้าไทยตามแนวชายแดน ซึ่งการจับกุมล่าสุดที่เชียงรายและอุบลราชธานี อาจประเมินได้ว่าหมูเถื่อนบางส่วนมาจากจีนทั้งทางเรือจากตอนใต้ของจีนล่องมาตามแม่น้ำโขงขึ้นท่าเชียงแสน และระบบรางจากรถไฟเชื่อมลาว-จีน มาถึงเวียงจันทน์ แล้วจึงลักลอบเข้ามาไทย
เห็นได้ว่าประเทศเพื่อนบ้านที่รายล้อมไทยนั้นทั้ง เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย แม้กระทั่งจีน ล้วนเป็นแหล่งพักรอหมูเถื่อนที่พร้อมวิ่งเข้าไทยทันทีที่ได้รับสัญญาณ นั่นแสดงให้เห็นว่าภาครัฐที่เกี่ยวข้องต้องปราบปรามหมูเถื่อนอย่างต่อเนื่อง อย่ายอมอ่อนข้อแม้แต่ช่วงเวลาเดียว เพราะหมายถึงความอยู่รอดของผู้เลี้ยงหมูไทย ที่เพิ่งออกจากห้อง ICU หลังเจอไวรัสร้าย ASF รุมกินโต๊ะจนต้องทำลายหมูทั่วประเทศไปมากกว่า 50% ดันราคาเนื้อหมูทะยานสูงสุดแบบไม่เคยเป็นมาก่อนโดยในปี 2566-2567 เป็นความหวังของไทยที่ไทยจะฟื้นฟูการผลิตไปสู่ภาวะปกติมีผลผลิต 17 ล้านตัวต่อปี และ 18-19 ล้านตัวต่อปี ตามลำดับ
ก่อนหน้านี้ หมูเถื่อนหลบไปท่องเที่ยวตรุษจีน แต่หลังจากนี้ขอให้ภาครัฐจับยามสามตาให้ดี โดยเฉพาะตลอดแนวชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน เพราะหมูเถื่อนพร้อมทัวร์ไทยรอบใหม่ ทุกเวลา (ที่เชียงรายล่าสุดจับกุมได้ยามวิกาล) ซึ่งนักวิชาการเศรษฐศาสตร์เกษตร ดร.สุวรรณา สายรวมญาติ ย้ำว่า หากราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มของไทยต่ำกว่า 100 บาทต่อกิโลกรัม แสดงว่าหมูเถื่อนมีอยู่จริงในไทยและกดราคาในตลาดให้ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตของเกษตรกร และจะเป็นปัจจัยทำลายความหวังที่คนไทยจะได้กินหมูปลอดภัยในราคาที่เหมาะสมภายในปีนี้-ปีหน้า ก็ลืมไปได้เลย ไม่มีเกษตรกรคนไหนผลิตทั้งที่รู้ว่าต้องขาดทุนแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ผู้เลี้ยงหมูไทยคงได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ หลังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการย้ำให้ทำงานอย่างเคร่งครัดรัดกุม ปราบปรามหมูเถื่อนควบคู่หาทางป้องกันในอนาคต สิ่งสำคัญคือต้องไม่ให้เกิดผลกระทบถึงผู้บริโภคและเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร นับเป็นการยกระดับการปราบหมูเถื่อนให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อระดมสรรพกำลังภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้งกรมปศุสัตว์ กรมศุลกากร ตำรวจและทหาร มาร่วมมือกันทำงาน เพื่อรักษาผลประโยชน์ประเทศชาติ ดูแลผู้บริโภคและเกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ