ผลการจับกุมที่สำคัญ ต.ค. 65 - ต.ค. 66 หลังเปิดปฏิบัติการกวาดล้างปืนเถื่อนซีซั่น 2

กองบรรณาธิการ TCIJ 5 ต.ค. 2566 | อ่านแล้ว 4215 ครั้ง


TCIJ ขอนำเสนอผลการจับกุมปืนเถื่อนกรณีที่สำคัญช่วง ต.ค. 65 - ต.ค. 66 ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2565 หลังตำรวจสอบสวนกลางเปิดปฏิบัติการกวาดล้างปืนเถื่อน ซีซั่น 2

ตร.แถลงปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่าย “ค้าปืนออนไลน์”

1 ต.ค. 2565 ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. แถลงผลการปฏิบัติการ “สอบสวนกลางกวาดล้างปืนเถื่อน season 2” (CIB Ghost Guns Operation) จับกุมผู้ต้องหากว่า 61 คน ยึดของกลางอาวุธปืน 145 กระบอก

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้การก่ออาชญากรรมมีลักษณะที่มีการใช้อาวุธปืนประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย ปล้น ชิงทรัพย์ ในลักษณะอุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายเพิ่มมากขึ้น อาทิ เหตุกราดยิงร้านอาหารกลางเมืองอุบลราชธานี, เด็กช่างกลทำปืนลั่นใส่เพื่อน เป็นต้น ซึ่งหลายๆ เหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่าผู้ก่อเหตุซื้ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนผ่านช่องทางออนไลน์ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. กวาดล้างการค้าอาวุธปืนเถื่อนออนไลน์ภายใต้ปฏิบัติการ “สอบสวนกลาง กวาดล้างปืนเถื่อน season 2” (CIB Ghost Guns Operation) จุดตรวจค้นทั้งหมด 126 จุด เป้าหมาย 115 ราย ครอบคลุม 50 จังหวัดทั่วประเทศ

ผลการตรวจค้นสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 60 ราย เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอาวุธปืนจำนวน 8 ราย ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนจำนวน 52 ราย และผู้ต้องหาตามหมายจับปฏิทิน ตร. จำนวน 1 ราย ในส่วนของกลางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดมาได้ในครั้งนี้มีจำนวนกว่า 9,976 ชิ้น เป็นอาวุธปืนจำนวนกว่า 145 กระบอก แบ่งเป็นอาวุธปืนทั่วไปจำนวน 70 กระบอก อาวุธปืนสงครามจำนวน 4 กระบอก และอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 71 กระบอก ซึ่งตามรายการอาวุธปืนที่ตรวจยึดมาได้นั้น ตรวจสอบพบว่าเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนจำนวน 70 กระบอก และอาวุธปืนไม่มีทะเบียนจำนวน 71 กระบอก นอกจากนี้ยังสามารถตรวจยึดเครื่องกระสุนปืนจำนวน 8,956 นัด พร้อมของกลางรายการอื่นๆ เช่น แท่นกลึง ลำกล้องปืน และแมกกาซีน รวมกว่า 875 รายการ นำส่งพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่รับผิดชอบ พล.ต.ท.จิรภพฯ กล่าวว่า จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งใช้ระยะเวลาหลายเดือน ทำให้พบว่ามีกลุ่มเครือข่ายลักลอบขายปืนเถื่อนผ่านทางออนไลน์จำนวนมาก จึงเกิดเป็นยุทธการ “สอบสวนกลางกวาดล้างปืนเถื่อน season 2” (CIB Ghost Guns Operation) เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มขบวนการอาชญากรรม มือปืนรับจ้าง และเยาวชน นำปืนเถื่อนมาก่อเหตุจนนำไปสู่ความสูญเสียในหลายๆ คดีดังที่ปรากฏเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ และถือเป็นการป้องกันอาชญากรรมในรูปแบบอื่นๆ ที่อาจจะตามมาด้วย พร้อมกับยืนยันว่าจะทำการสืบสวนขยายผล เพื่อทําการตรวจค้นและจับกุมผู้กระทําความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่อง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอฝากเตือนพี่น้องประชาชนที่จะทำการซื้อขายอาวุธปืน หรือส่วนประกอบอาวุธปืนต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ ให้ทราบว่าการกระทำในลักษณะดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ซึ่งถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ทั้งนี้ ในการนำเอาอาวุธปืนมาขายผ่านช่องทางออนไลน์ ผู้กระทำก็มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ด้วยเช่นกัน

“ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”

ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการกวาดล้างปืนเถื่อน ซีซั่น 2 ระดมตำรวจในสังกัดเกือบ 900 นาย ปิดล้อม 144 จุด ครอบคลุม 50 จังหวัดทั่วประเทศ

1 ต.ค. 2565 ที่ ลานหน้าอาคารพิทักษ์สันติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรฐ์ พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบช.ก. พร้อมผู้บังคับการในสังกัด บช.ก. ร่วมปล่อยแถวตำรวจ 10 กองบังคับการ เกือบ 900 นาย เปิดปฏิบัติการกวาดล้างปืนเถื่อน ซีซั่น 2 ระดมปิดล้อมกวาดล้างตรวจค้นอาวุธปืนเถื่อน และค้าขายปืนออนไลน์ รวม 144 จุด 127 เป้าหมาย 10 หมายจับ ครอบคลุม 50 จังหวัดทั่วประเทศ

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับเป้าหมายสำคัญครั้งนี้เป็นเครือข่ายค้าปืนออนไลน์ อยู่ในพื้นที่ คลองสามวา เขตคลองสามวา และที่จังหวัดอุทัยธานี หลังสืบสวนพบเบาะแส ว่ามีการสั่งอุปกรณ์ส่วนควบอาวุธปืนมาจากต่างประเทศ ก่อนจะสำแดงเท็จเป็นชิ้นส่วนอะไหล่จักรยาน

กวาดล้างอาวุธปืนเถื่อน ในพื้นที่ ภ.8 รวบแก๊งช่างแอร์สุราษ์ ช่างเปิ้ล หลังโพสต์โชว์ปืนหราทางโซเชียล

13 ต.ค. 2565 ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค.8 พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 เปิดเผยว่า จากนโยบาย และข้อสั่งการของพล.ต.อ.ดํารงค์ศักด์ กิตตปิระภัสร์ ผบ.ตร.ผ่าน พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร ,พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ,นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้สั่งการให้ทุกหน่วย กวดขันระดมกวาดล้าง จับกุมยาเสพติด อาวุธปืนและอาวุธสงคราม

ซึ่งมีการบูรณาการของพล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8,พล.ต.ต.ศักดิ์ศิรา เผือกอำ รอง ผบช.ภ8, พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. ซึ่งเป็น หน.ชุด PCT ชุดที่1 พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8และ พล.ต.ต.ศรัญญู ชํานาญราช ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ให้สืบสวนจนสามารถ จับกุมยาเสพติด อาวุธปืนและอาวุธสงคราม ภ.8 บก.สส.ภ.ภ.จว. สุราษฎร์ธานี โดย พ.ต.อ.ไพศาล สังข์เทพ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ,พ.ต.อ. จิตปะพัทธ์ เอกโพธิ์ ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.8,พ.ต.อ.วัฒนา เบ้าศรี ผกก.สืบสวน.ภ.จว.สุราษฎร์ ธานี ได้เข้าตรวจสอบข้อมูลการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “ช่างแอร์สุราษ ช่างเปิ้ล” เจ้าของ เฟสบุ้คชื่อ นายอภิสิทธิ์ มั่งมี โดยมีรูปภาพโชว์อาวุธปืนต่างๆ ทําให้ประชาชนเกิดความ หวาดกลัว

ตร. PCT ลุยจับปืนเถื่อน ตรวจค้น 4 จุด ซื้อขายออนไลน์ ของกลางปืนพร้อมกระสุนเพียบ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2พล.ต.ต.พงศ์พันธ์ วงษ์มณีเทศ ผบก.ภ.จว.ระยอง. นำโดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.ชป.5 ศปอส.ตร. (PCT5) , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.(สอบสวน) บก.สส.ภ.2 , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.สืบสวน ภ.จว.ระยอง , พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ จงเจริญ สว.(สอบสวน) สน.บางกอกใหญ่ , พ.ต.ต.สุริยะ น้อยภักดี สว.(สอบสวน) สน.เตาปูน , พ.ต.ต.สุริยะ น้อยภักดี สว.(สอบสวน) สน.เตาปูน , พ.ต.ต.วรุตม์ คำหล้า สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.ภ.2 , ร.ต.อ.ภัสส์กร เฉลียวบุญ รอง สว.สส.สภ.บางปะกง , ร.ต.อ.วุฒินันท์ คงดี รอง สว.กก.สส.1 บก.สส.ภ.2 , ร.ต.อ. , ร.ต.อ.ปรมา ปราณี รอง สว.กก.2 บก.สส.ภ.2 ทำการสืบสวนนำมาสู่ปฏิบัติการตรวจค้นจับกุม

เมื่อวันที่ 13-14 ต.ค. 2565 เจ้าหน้าที่ชุด pct 5 เข้าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัย จำนวน 4 จุด ดังนี้

1. บ้านเลขที่ 27/71 ม.3 ม.กิตติชัยวิลล่า7 ถ.มิตรไมตรี คู้ฝั่งเหนือ เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร ตามหมายค้นศาลอาญาที่ 677/2565 ลงวันที่ 12 ต.ค.2565 ได้จับกุมตัว นายก นามสมมติ อายุ 17 ปี ที่อยู่ 27/71 ม.3 ม.กิตติชัยวิลล่า 7 ถ.มิตรไมตรี คู้ฝั่งเหนือ เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร พร้อมลูกกระสุนปืน ขนาด .380 จำนวน 4 นัด และซองปืนสีดำ 1 อัน อยู่ภายในห้องครัวที่บ้านพักหลังดังกล่าว

เจ้าหน้าที่จึงจับกุมตัวในข้อหา “มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดย นายกฤตเมธฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้การว่า ลูกกระสุนปืนดังกล่าว ตนเป็นผู้ครอบครอง ซึ่งรุ่นพี่ให้มา และยอมรับว่าเคยมีอาวุธปืนดัดแปลง ชนิดลูกโม่ .38 ซื้อจากรุ่นพี่คนหนึ่ง ด้วยราคา 10,000 บาท แต่ขายไปให้กับรุ่นพี่อีกคน พร้อมกับปืนแบลงค์กันอีก 1 กระบอก ในราคา 20,000 บาท จากนั้นได้ควบคุมตัวนายกพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.ลำหิน ดำเนินคดีตามกฎหมาย

2. ขยายผลจากจุด 1 ค้นบ้านเลขที่ 193/1 ถ.แบนชะโด แขวงทรายกองดินใต้ เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร ตามหมายค้นศาลอาญามีนบุรีที่ 678/2565 ลงวันที่ 13 ต.ค.2565 พบและจับกุมตัว นายสมชาย นิลขำ อายุ 50 ปี ที่อยู่ 437 ม.3 ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
พร้อมของกลางประกอบด้วย
– ซองกระสุนปืน (แม็กกาซีน) ขนาด 9 มม. สีเงิน จำนวน 1 อัน
– เครื่องกระสุนปืน ลูกซอง ขนาดเบอร์ 12 จำนวน 1 นัด
– ระเบิดปิงปอง(ทำเอง) พันด้วยเทปสีดำ จำนวน 2 ก้อน
– ลูกประทัด (ลูกบอล) จำนวน 21 ลูก
อยู่ภายในบ้านพักหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อหา “มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยนายสมชายฯ ให้การรับสารภาพตลอด และรับว่า ของกลางลำดับที่ 1 และ 2 เป็นของตนจริง ส่วนของกลางลำดับที่ 3 และ 4 เป็นของคนรู้จัก จึงขยายผล และส่ง พฐ. ตรวจสอบจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.นิมิตรใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

3. บ้านเลขที่ 99/3 ม.7 ต.ทุ่งควายกิน อ.แกลง จว.ระยอง ตามหมายค้นศาลจังหวัดระยองที่ 170/2565 ลงวันที่ 14 ต.ค.2565 พบและจับกุมตัวนายสุทธิพันธ์ มั่นคง อายุ 26 ปีอยู่ที่ 99/3 ม.7 ต.ทุ่งควายกิน อ.แกลง จ.ระยอง พร้อมด้วยของกลาง – อาวุธปืนแบบกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ยี่ห้อสมิทแอนเวสสัน ทะเบียน กท3930667 จำนวน 1 กระบอก
– ซองบรรจุกระสุนปืน 1 อัน
– อาวุธปืนลูกโม่ ยี่ห้อสมิทแอนเวสสัน ขนาด .38 ทะเบียน กท37902395 จำนวน 1 กระบอก
– อาวุธปืนดัดแปลงแบบกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 380 ยี่ห้อคิมเบ้อ เลขตัวปืน เค 47189 จำนวน 1 กระบอก – ซองบรรจุกระสุน 1 อัน
– อาวุธดัดแปลงแบบลูกโม่ ขนาด 32 ไม่มียี่ห้อ เลขตัวปืน 18004777 จำนวน 1 กระบอก
– เครื่องกระสุนปืนขนาด .380 จำนวน 44 นัด เครื่องกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 42 นัด เครื่องกระสุนปืนขนาด .32 จำนวน 11 นัด เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 42 นัด อยู่ในชั้นเก็บของในห้องพักดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงแจ้งข้อหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน” โดยนายสุทธิพันธ์ฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้การว่า เป็นของตนจริง จากนั้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.แกลง ดำเนินคดีตามกฎหมาย

4. บ้านเลขที่ 10/2 ม.9 ต.คลองปูน อ.แกลง จ.ระยอง ตามหมายค้นศาลจังหวัดระยองที่ 169/2565 ลง 14 ต.ค.65 พบและจับกุมตัว
นายประเทศ ธนาภรณ์ อายุ 69 ปี ที่อยู่ 10/2 ม.9 ต.คลองปูน อ.แกลง จ.ระยอง พร้อมของกลาง
– อาวุธปืนยาวแบบประดิษฐ์เอง ไม่ปรากฎยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนปืน ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกล้องเล็งเป้า จำนวน 1 ชุด
– กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 26 นัด

ภายในบริเวณข้างตู้โชว์ที่ตั้งอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยนายประเทศฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้การว่า เป็นของตนจริง จากนั้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ. ปากน้ำประแสร์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ผบ.ตร. กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน ยาเสพติดครบวงจร และต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ให้กับประชาชน และหากประชาชนต้องการแจ้งเบาะแสความผิดเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด อาวุธปืน เครื่องกระสุน หรือวัตถุระเบิด สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชม. โดยข้อมูลในการแจ้งจะปิดเป็นความลับ และจะมีเงินสินบนรางวัลให้กับผู้แจ้งในกรณีที่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิด

ตำรวจภูธรภาค 3 กวาดล้างอาชญากรรม พร้อมยึดของกลางอาวุธปืนเถื่อน และยาเสพติดจำนวนมาก

9 พ.ย. 2565 ที่บริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ. 3 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย รอง ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.อิทธิพล นาคคำ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 3 ได้ร่วมกันแถลงข่าวการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน ยาเสพติด และบุคคลตามหมายจับ ในพื้นที่การกำกับดูแลของตำรวจภูธรภาร 3 ระหว่างวันที่ 10 ต.ค. – 8 พ.ย.65 ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมยึดของกลาง เป็นอาวุธปืน และยาเสพติดเป็นจำนวนมาก

โดย พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3 เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงกลาโหม ได้มีนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดปราบปรามความผิดเปี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุนปืน ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และบุคคลตามหมายจับ ทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วย เร่งรัดปราบปรามอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินการปราบปราม จับกุมอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อประชาชน มีความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และประเทศชาติ ทางตำรวจภูธรภาค 3 จึงได้สั่งการให้ตำรวจภูธร 8 จังหวัด ในสังกัด ได้แก่ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ยโสธร ศรีสะเกษ สุรินทร์ อำนาจเจริญ อุบลราชธานี และกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ทำการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ระหว่างวันที่ 10 ต.ค. – 8 พ.ย.65 โดยเน้นเป้าหมายสำคัญ ได้แก่ อาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืนผิดกฎหมาย และการจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืนผ่านระบบออนไลน์และโซเชี่ยลมีเดียโดยผิดกฎหมาย ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และบุคคลตามหมายจับ อย่างจริงจัง

ซึ่งผลการดำเนินการปราบปรามกวาดล้างจับกุม สามารถจับกุมผู้ต้องหาและยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก โดยแยกเป็นคดีดังนี้

1.ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิด จับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 1,961 ราย พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนไม่มีทะเบียน จำนวน 588 กระบอก อาวุธปืนมีทะเบียน จำนวน 3 กระบอก วัตถุระเบิด จำนวน 11 ลูก และเครื่องกระสุนปืน จำนวน 3,567 นัด

2.ความผิดเกี่ยวกับจำหน่ายอาวุธปืน จับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 2 ราย ของกลางอาวุธปืนไม่มีทะเบียน จำนวน 2 กระบอก

3.ความผิดเกี่ยวกับจำหน่ายอาวุธปืนออนไลน์ จับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 10 ราย พร้อมอาวุธปืนไม่มีทะเบียน จำนวน 6 กระบอก

4.ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 3,253 ราย พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวน 438,164 เม็ด ยาไอซ์ จำนวน 34 กรัม และยาเค จำนวน 299 กิโลกรัม

5.จับกุมบุคคลตามหมายจับ ผู้ต้องหา จำนวน 571 ราย

ตร.ไซเบอร์ จับอาวุธปืนเถื่อนออนไลน์ โพสต์อวดขายอาวุธปืนเถื่อนที่ผลิตเอง

19 ก.พ. 2566 พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คําชํานาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.ชัยพันธุ์ ทัพวงษ์ รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.เอกวีร์ พงศ์สร้อยเพ็ชร รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.กู้เกียรติ วงษ์พันธ์ ผกก.4 บก.สอท.5 พ.ต.ท.อาทิตย์ พลจันทร์ รอง ผกก.4 บก.สอท.5 จับกุมตัวนายบัญชา อายุ 29 ปี โพสต์อวดขายอาวุธปืนเถื่อนที่ผลิตเองทางสื่ออนไลน์

สืบเนื้อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสืบสวนจากสื่อออนไลน์เฟสบุ๊กพบหลักฐานว่า นายบัญชา ได้โพสต์ภาพถ่ายโชว์อาวุธปืนที่คาดว่าเป็นปืนเถื่อนไม่มีทะเบียนบนเฟสบุ๊คกลุ่มปืนเถื่อน จากการสืบสวนเชื่อว่ามีอาวุธปืนจริง และนำอาวุธปืนผิดกฎหมายมาซุกซ่อนอยู่ภายในบ้านเลขที่ 135 ม.7 ต.ประทัดบุ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ จึงรวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดจังหวัดสุรินทร์

จากการเข้าทำการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวพบ อาวุธปืนพกสั้นประดิษฐ์เอง ใช้ยิงกับกระสุน 9 มม. ไม่มีเลขตัวปืน ไม่มีเลขทะเบียนปืน จำนวน 1 กระบอก ลำกล้องปืนสั้นใช้กับกระสุน .38 จำนวน 1 อัน อาวุธปืนอัดลมใช้ยิงกับกระสุนเหล็กทรงกลม ขนาด 8 มม ไม่มีเลขตัวปืน ไม่มีเลขทะเบียนปืน จำนวน 2 กระบอก กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 6 นัด วัสดุและอุกรณ์ใช้ผลิตปืน พบของกลางทั้งหมดอยู่ภายในบ้าน

นายบัญชา ยอมรับรับว่าอาวุธปืน กระสุนปืนและอุปกรณ์ผลิตปืนทั้งหมดเป็นของตนเองจริง สำหรับอาวุธปืนที่โพสต์โชว์เป็นปืนที่ตนทำเอง และตั้งใจอวดเพื่อนในกลุ่ม

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาทำ มี ใช้อาวุธปืนและกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งมน อ.ปราสาท จว.สุรินทร์ เพื่อดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป

ตร.ไซเบอร์ ทลายขบวนการค้าปืนเถื่อนกลางเมืองภูเก็ต สร้างเฟซบุ๊กอวตารลอบขายออนไลน์กว่า 3 ปี

ช่วงเดือน พ.ค. 2566 สืบเนื่องจากทีม Cyber Guard กก.4 บก.สอท.5 ได้สืบสวนหาข่าว พบมีบัญชีเฟซบุ๊กอวตารโพสต์อวดโชว์อาวุธปืนเถื่อนในกลุ่มเฟซบุ๊กซื้อขายปืนเถื่อน เจ้าหน้าที่ ตร.ไซเบอร์ได้ทำการสืบสวนจนทราบข้อมูลเจ้าของบัญชีและที่อยู่ที่คาดว่าจะมีของกลางซุกซ่อนอยู่ จึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานขออนุญาตศาลออกหมายค้น และได้นำกำลังบุกเข้าตรวจค้นบ้านจำนวน 2 หลัง ในพื้นที่ ม.1 และ ม.6 ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต

จุดที่ 1 ตรวจค้นพบของกลางอาวุธปืนยาวลูกกรด จำนวน 2 กระบอก กระสุนปืนประเภทต่างๆกว่า 330 นัด และอุปกรณ์อื่นๆ ในการดัดแปลงอาวุธปืน พร้อมควบคุมตัว นายเกรียงไกร อายุ 31 ปี ชาวกาฬสินธุ์ ในข้อหา “ทำอาวุธปืน และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน” โดยรับว่าของกลาทั้งหมดเป็นของตนเอง โดยสั่งซื้ออุปกรณ์ต่างๆ มาจากผู้ค้าในลาซาด้า แล้วนำมาประกอบเป็นตัวปืน ส่วนกระสุนปืน ตนสั่งซื้อมาจากผู้ค้าในกลุ่มเฟซบุ๊กซื้อขายอาวุธปืน

จุดที่ 2 เป็นบ้านของผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “คนเลว ในสายตาเธอ” พบนายประเสริฐ อายุ 26 ปี ชาวศรีษะเกษ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจลงจากรถ จึงได้วิ่งหลบหนีและอาศัยความชำนาญในพื้นที่วิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าเขา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดคุยกับภรรยาเพื่อกล่อมให้ชายคนดังกล่าวเข้ามอบตัวพร้อมให้นำตรวจค้นภายในบ้าน พบของกลางอาวุธปืนอาวุธปืนยาวลูกกรด .22, กระสุนปืน ขนาดต่าง ๆ และอุปกรณ์สำหรับดัดแปลงอาวุธปืนอีกหลายรายการ ต่อมาช่วงค่ำ นายประเสริฐ จึงได้เข้ามามอบตัวและยอมรับว่าตนคือผู้ที่วิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเป็นเจ้าของบัญชีอวตารดังกล่าว และเจ้าของอาวุธปืนและกระสุนปืนทั้งหมดที่ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจยึดเป็นของตนเอง จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา 1.ทำอาวุธปืน / มีอาวุธปืนและกระสุน ปืนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน 2.ทำอาวุธปืน /มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน และ 3.มียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

พ.ต.ต.คมสัน สมอ่อน สว.กก.4 บก.สอท.5 ยังกล่าวอีกว่า นายเกรียงไกร มักโพสต์โชว์อาวุธปืนพร้อมสัตว์ที่ล่าได้ลงในกลุ่มเฟสบุ๊คกลุ่มนายพราน ทั้งยังชอบโพสต์อวดอาวุธปืนที่ตนเองทำ โดยส่วนประกอบต่าง ๆ นั้นตอนได้สั่งซื้อมาจากผู้ค้าและนำมาประกอบเป็นตัวปืนเองประกอบกับตนเป็นคนฝีมือดี จึงมีผู้สนใจเข้ามาขอซื้อเป็นจำนวนมาก ส่วนในด้านของนายประเสริฐ เป็นเจ้าของบัญชีเฟสบุ๊กอวตารจำนวน 4 บัญชี ที่มียอดเครดิตในกลุ่มมากกว่า 10,000 คะแนน เป็นหนึ่งในผู้ค้าอาวุธปืนทั้งสั้นและยาวที่ขายให้กับลูกค้าจำนวนมากเป็นอันดับต้น อีกด้วย

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.กู้เกียรติ วงษ์พันธ์ ผกก.4 บก.สอท.5 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

ตำรวจไซเบอร์ รวบ “นายก เดิมพัน” แอดมินกลุ่มค้าปืนเถื่อนแอบผลิตในพื้นที่สีแดงส่งขายออนไลน์

ช่วงเดือน มิ.ย. 2566 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้สืบสวนหาข่าวกวาดล้างอาชญากรรมและการกระทำความผิดบนสื่อสังคมออนไลน์

สืบเนื่องจากการสืบสวนของทีม Cyber Guard กก.4 บก.สอท.5 ได้สืบสวนหาข่าวบนแพลตฟอร์มออนไลน์ พบผู้ใช้บัญชีเฟสบุ๊คอวตาร ชื่อ “นายก เดิมพัน” ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น “สมรัก ธรรมรัก” แอดมินเพจ “ทำมาหา กิน อยู่ อย่างพอเพียง” โพสต์ภาพประกาศขายอาวุธปืนเถื่อนที่ทำขึ้นเอง ในกลุ่มเฟสบุ๊คดังกล่าวที่ตนเองเป็นแอดมิน เชื่อว่ามีอาวุธปืนผิดกฎหมายอยู่จริงโดยซุกซ่อนไว้ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายค้นต่อศาลจังหวัดยะลา เมื่อไปถึงพบบ้านดังกล่าวปิดประตูไม่มีผู้อาศัยภายในบ้าน จึงได้ประสานงานกับผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 จนทราบว่าเจ้าของบ้าน ได้ย้ายไปอาศัยอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 500 เมตร จึงนำกำลังไปที่บ้านหลังดังกล่าว เมื่อไปถึงพบ พบนายยงยุทธ อายุ 39 ปี ยืนอยู่หน้าบ้าน โดยบริเวณโต๊ะหน้าบ้านพบอาวุธปืนยาว .22 วางอยู่ จากการสอบถามทราบว่าเป็นปืนไม่มีทะเบียน จากการตรวจค้นที่บ้านตามหมายค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย

เบื้องต้นแต่จากการสอบถาม นายยงยุทธ ให้การยอมรับว่าตนเองเป็นเจ้าของเฟสบุ๊คที่มีการโพสต์ขายอาวุธปืนในเพจที่ตนเองเป็นแอดมินจริง พร้อมนำไปตรวจยึดอาวุธปืนอุปกรณ์ปืนยาวลูกกรดใช้กับกระสุน ขนาด .22 นิ้ว (สีน้ำตาลเข้ม) ไม่มียี่ห้อผู้ผลิต ไม่มีเลขประจำปืน ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนปืน จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองบรรจุกระสุน และกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 12 นัด , อาวุธปืนเดี่ยวลูกซองยาว พร้อมกระสุนปืนเบอร์ 12 จำนวน 27 นัด , เหล็กลำกล้องปืน , ชุดไกปืน , อุปกรณ์สำหรับทำอาวุปืน และของกลางอื่นอีกหลายรายการ บริเวณบ้านที่ตนพักอาศัยอยู่ปัจจุบัน พร้อมนำชี้จุดที่ลักลอบผลิตปืนซึ่งอยู่บริเวณข้าง ๆ ตัวบ้าน จึงทำการจับกุมตัว นายยงยุทธ อายุ 39 ปี พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่ากระทำความผิดฐาน “ทำอาวุธปืน มีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่าย เพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 24 และ ทำอาวุธปืน มีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 7” โดยจับกุมได้บริเวณบ้านพักในพื้นที่ หมู่ 7 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.ต.คมสัน สมอ่อน สว.กก.4 บก.สอท.5 ยังกล่าวอีกว่า สำหรับผู้ต้องหารายนี้ลักลอบผลิตอาวุธปืนลูกรด .22 แล้วใช้เฟสบุ๊คอวตารในการลงขายผลงานของตนเองมานานหลายปีโดยใช้อวตารชื่อ “นายก เดิมพัน” เป็น 1 ใน 10 อวตารผู้ค้าอาวุธปืนที่มีเครดิตดีที่สุดของกลุ่มปืนลูกกรด .22 มีลูกค้าทั่วประเทศจำนวนมาก ทีม Cyber Guard กก.4 บก.สอท.5 ได้ติดตามพฤติกรรมมาตลอดตั้งแต่ปลายปี 2565 จนทราบชื่อและถิ่นที่อยู่ที่ชัดเจน แต่อุปสรรคสำคัญที่ไม่สามารถดำเนินการจับกุมได้สักที เนื่องจากบ้านหลังดังกล่าวตั้งอยู่กลางหุบเขาในพื้นที่สีแดง ของ อ.บันนังสตา จ.ยะลา การจะเข้าจับกุมไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่าย ต้องวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อให้กำลังพลทุกนายปลอดภัย จึงได้ประสานขอกำลังจาก กก.สส.ภ.จว.ยะลา ซึ่งชำนาญพื้นที่มากกว่าเข้าร่วมปฏิบัติจนภารกิจสำเร็จลุล่วง

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 , พ.ต.อ.กู้เกียรติ วงษ์พันธ์ ผกก.4 บก.สอท.5 ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.คมสัน สมอ่อน สว.กก.4 บก.สอท.5 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จับแอดมินกลุ่มซื้อ-ขายปืนเถื่อน “พิทบูล GUN NEVER DIE”

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ศราวุฒิ บวรกิจประเสริฐ รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. ปรท. รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ปัถย์ภวิศ วงษ์พินิจ ผกก.กลุ่มงานสนับสนุนฯ บก.ปอท., พ.ต.ท.อโนธร ศรีทองใบ, พ.ต.ท.หญิงเยาวลัษกณ์ สุขทัศน์, พ.ต.ท.ณัฏฐ์ดนัย กมลคุรุภาวัฒน์, พ.ต.ท.เอกพล แสงอรุณ, พ.ต.ท.ณัฐพล แต่เจริญ รอง ผกก.กลุ่มงานสนับสนุนฯ บก.ปอท.

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.สุรโชค กังวานวาณิชย์, พ.ต.ท.ตฤณ ลีลานุช, พ.ต.ท.สุรชัย เหมจุไร, พ.ต.ท.ธันย์ บูรณชัย สว.กลุ่มงานสนับสนุนฯ บก.ปอท., ร.ต.อ.ธนพนธ์ พวงมาลัย, ร.ต.ท.พีรยช ใสสกุล, ร.ต.ท.เฉลียว อุณหชาติ รอง สว.กลุ่มงานสนับสนุนฯ บก.ปอท. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กลุ่มงานสนับสนุนฯ บก.ปอท.

ร่วมกันจับกุม นายวศินฯ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาของศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ ค.451/2566 ลงวันที่ 25 สิงหาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาติ, ทำ ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ มีหรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย” สถานที่จับกุม บ้านพักในพื้นที่ ม.4 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนทราบว่า มีกลุ่มไลน์ “พิทบูล GUN NEVER DIE” มีสมาชิก 158 คน ที่เปิดไว้สำหรับโพสต์ขายอาวุธปืนดัดแปลง โดยมีนายวศินฯ เป็นแอดมินของกลุ่ม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการตรวจสอบจนทราบว่า ผู้ต้องหาได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านพักในพื้นที่ ม.4 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลจังหวัดธัญบุรี เพื่อเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังดังกล่าว ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ร่วมกันวางแผนและเดินทางเข้าตรวจค้น เมื่อเดินทางไปถึงพบผู้ต้องหาแสดงตัวเป็นผู้ครอบครองบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมแสดงหมายค้นให้ผู้ต้องหาทราบและนำเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบของกลาง จำนวน 13 รายการ อยู่ในบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาและนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าผู้ต้องหามีอาชีพรับจ้างซ่อมแซมและดัดแปลงอาวุธปืนประเภทต่างๆ รวมถึงจำหน่ายอาวุธปืนให้กับกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มไลน์ดังกล่าว พร้อมทั้งมีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย

 

ที่มา: สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ​

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: