EU-UN มอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา

กองบรรณาธิการ TCIJ 10 มี.ค. 2566 | อ่านแล้ว 1344 ครั้ง

EU-UN มอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา

EU-UN ผสานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย มอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา

เมื่อช่วงต้นเดือน มี.ค. 2566 สหภาพยุโรป (EU) แถลงให้การสนับสนุนองค์การสหประชาชาติ (UN) ด้วยทุนกว่า 3.5 ล้านยูโร เพื่อช่วยเติมเต็มช่องว่างทางการเงินในการดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals - SDGs) ในประเทศไทย การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ตลอดจนมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา

ฯพณฯ นายเดวิด เดลี (David Daly) เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย กล่าวว่าว่า “สหภาพยุโรปเป็นพันธมิตรที่อยู่เคียงข้างประเทศไทยมาอย่างยาวนานในการส่งเสริมและมีความร่วมมือในประเด็นที่มีความสนใจร่วมกัน ซึ่งรวมถึงการพัฒนาที่ยั่งยืน สิทธิมนุษยชน และประเด็นเกี่ยวกับผู้ถูกบังคับให้ย้ายถิ่น สหภาพยุโรปร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ของสหประชาชาติเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนวาระการพัฒนา 2030 ในประเทศไทย ขณะนี้เราเหลือเวลาอีกเพียง 7 ปีก่อนจะถึงกำหนดในปี ค.ศ. 2030  ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดจะต้องร่วมมือกันเพื่อเร่งดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแต่ละข้อในทุกภูมิภาคทั่วโลก”

กีต้า ซับบระวาล (Gita Sabharwal) ผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย กล่าวถึงโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากความร่วมมือครั้งนี้ว่า “ความร่วมมือระหว่างสหภาพยุโรปและสหประชาชาติครั้งใหม่นี้จะวางรากฐานเพื่อความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านการทำงานตามกรอบความร่วมมือในประเทศไทย โครงการเหล่านี้จะนำมาซึ่งโอกาสมหาศาลและยังก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้คนหลายล้านคน ช่วยให้การคุ้มครองผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา การส่งเสริมพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชน และการเพิ่มการมีส่วนร่วมในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของคนในท้องถิ่นมีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น บนพื้นฐานของความโปร่งใสและการเปิดกว้าง อีกทั้งเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง”

โครงการที่สหภาพยุโรปให้การสนับสนุนทั้งสามโครงการนี้จะช่วยส่งเสริมผลลัพธ์ลำดับที่สามตามกรอบความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Cooperation Framework - UNSDCF) กรอบความร่วมมือนี้กำหนดแนวทางการทำงานของสหประชาชาติ ซึ่งมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 ของประเทศไทย อีกทั้งมีความเหมาะแก่กาลเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากประเทศไทยกำลังฟื้นตัวจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 โดยกรอบความร่วมมือจะส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล ความยั่งยืน สิทธิมนุษยชน และความสามารถในการฟื้นตัวจากวิกฤต ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม

รายละเอียดของโครงการมีดังต่อไปนี้ สหภาพยุโรปจะร่วมให้ทุนแก่โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) เพื่อสนับสนุนโครงการ Strengthening SDGs Localization in Thailand (ส่งเสริมการประยุกต์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศไทย) ด้วยเงินทุนราว 1 ล้านยูโรเป็นระยะเวลา 18 เดือน เพื่อทำงานกับ 15 จังหวัดเป้าหมายในการปรับปรุงการสื่อสารนโยบายเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน การประยุกต์เป้าหมายโดยคำนึงถึงเพศสภาพโดยเน้นการเพิ่มปริมาณข้อมูลพร้อมใช้งาน สร้างความตระหนัก และพัฒนาขีดความสามารถว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

อีกหนึ่งโครงการเป็นการสนับสนุนเงินทุนมูลค่า 1.5 ล้านยูโร  ร่วมทุนกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ในโครงการ 'Support on Child Protection and Durable Solutions to Refugees in Nine Camps border Thai-Myanmar Border' (สนับสนุนการคุ้มครองเด็กและแนวทางแก้ปัญหาผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาอย่างยั่งยืนในศูนย์พักพิงชั่วคราวตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา) เพื่อพัฒนาความคุ้มครองและสิทธิของเด็กในศูนย์พักพิงชั่วคราว และส่งเสริมการปฏิรูปกฎหมายให้ผู้หนีภัยการสู้รบสามารถเข้าถึงโอกาสในการประกอบอาชีพและการศึกษาในโรงเรียน 

ขณะที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะได้รับทุนจำนวน 1 ล้านยูโรเพื่อดำเนินโครงการ Strengthen the Promotion and Protection of Human Rights in Thailand (เสริมสร้างการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย) โดยมุ่งสร้างความก้าวหน้าในประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยด้วยการสนับสนุนความพยายามในระดับประเทศในการเพิ่มความเข้มแข็งของกฎหมาย นโยบาย และแนวปฏิบัติให้สอดคล้องกับบรรทัดฐานและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากล ขั้นตอนที่สำคัญประกอบด้วยการส่งเสริมให้นักปกป้องสิทธิมนุษยชนและองค์กรภาคประชาสังคมมีส่วนร่วมกับกลไกสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ พร้อมมุ่งให้มีการสนองตอบต่อข้อกังวลด้านสิทธิมนุษยชนมากขึ้น

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: