สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ข้อมูลว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝน อากาศจะเริ่มเย็นลงและมีความชื้นในอากาศเพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ และกลุ่มโรคระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากเชื้อโรคสามารถแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น และอาจมีการปนเปื้อนเชื้อในอาหารและน้ำดื่มได้ นอกจากนี้ ช่วงหน้าฝน อาจเกิดการท่วมขังของน้ำฝน ทำให้อาจมีการแพร่ระบาดของสัตว์และแมลง ดังนั้นควรระมัดระวังสัตว์และแมลงกัด ต่อย ซึ่งจะทำให้เกิดอาการบวม คันบริเวณที่ถูกกัดต่อยได้ หรือรายที่มีอาการรุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษา เนื่องจากอาจทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ในบทความนี้จะนำเสนอยาสามัญประจำบ้านที่ควรมีติดบ้านไว้ในช่วงหน้าฝน เพื่อบรรเทาอาการที่อาจเกิดขึ้นดังกล่าวข้างต้น จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย
1. ยาสำหรับกลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ซึ่งมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ใช้ยารักษาตามอาการ เช่น
1.1 ยาลดไข้ บรรเทาปวด เช่น พาราเซตามอล
พาราเซตามอลเป็นยาที่มีฤทธิ์ลดไข้ บรรเทาปวดที่มีความปลอดภัย แต่มีข้อควรระวัง คือ ไม่ควรรับประทานเกินวันละ 8 เม็ด (เม็ดละ 500 มิลลิกรัม) และไม่ควรใช้ยาติดต่อกันเกิน 5 วันเพราะอาจนำไปสู่การเกิดพิษต่อตับ โดยก่อนรับประทานควรอ่านฉลากอย่างละเอียด ผู้ที่เป็นโรคตับ ไต ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา
1.2 ยาแก้แพ้ ลดน้ำมูก
บรรเทาอาการน้ำมูกไหล และ จาม จากไข้หวัดและจากการแพ้อากาศ
ยากลุ่มนี้บางชนิดมีผลข้างเคียงทำให้ง่วง จึงไม่เหมาะที่จะใช้ในช่วงเวลาที่ต้องทำงาน และไม่ควรขับยานพาหนะขณะได้รับยานี้เพราะจะทำให้เกิดอันตรายได้
2. ยาสำหรับกลุ่มโรคระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย ซึ่งอาจเกิดจากเชื้อโรคที่ปนเปื้อนในอาหาร
2.1 ผงเกลือแร่ (ORS)
ใช้ทดแทนการสูญเสียน้ำและเกลือแร่จากอาการท้องเสีย หรือ อาเจียน
รับประทานโดยผสมผงเกลือแร่กับน้ำสะอาดตามคำแนะนำข้างซอง โดยค่อย ๆ จิบน้ำเกลือแร่ ไม่ดื่มจนหมดในคราวเดียว เพราะอาจทำให้ลำไส้แปรปรวนและท้องเสียมากขึ้น ทั้งนี้ผงเกลือแร่ที่ผสมน้ำแล้วควรใช้ภายใน 24 ชั่วโมง เก็บรักษาในภาชนะที่ปิดสนิท เพื่อลดโอกาสในการปนเปื้อน
2.2 ยาถ่านคาร์บอน
ใช้ดูดซับสารพิษเพื่อบรรเทาอาการท้องเสีย แต่ยาตัวนี้ไม่ได้มีผลฆ่าเชื้อโรคที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย และไม่สามารถใช้เป็นยาหยุดถ่าย ในการรับประทานยาถ่านคาร์บอนต้องเว้นระยะห่าง 2 ชั่วโมงจากการรับประทานยาชนิดอื่น เนื่องจากยานี้อาจไปดูดซับ และส่งผลรบกวนการออกฤทธิ์ของยาอื่นได้
3. ยาสำหรับเมื่อโดนแมลงสัตว์กัดต่อย
3.1 คาลาไมน์โลชัน
บรรเทาอาการคันจากผื่นคัน ผื่นแพ้จากแมลงกัดต่อย
เป็นรูปแบบยาน้ำแขวนตะกอน ดังนั้นก่อนใช้เขย่าให้ตัวยาเข้ากันดีก่อน โดยใช้ทาภายนอกเท่านั้น ห้ามรับประทาน และควรหลีกเลี่ยงการใช้ใกล้ดวงตา หรือเยื่อเมือกอื่น ๆ
3.2 ยาหม่อง
บรรเทาอาการปวดบวมจากแมลงกัดต่อย
ใช้ทาภายนอกเท่านั้น ห้ามรับประทานโดยเด็ดขาด และควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม
3.3 ยาแก้แพ้
บรรเทาอาการคันจากแมลงกัดต่อย
ยากลุ่มนี้บางชนิดมีผลข้างเคียงทำให้ง่วง จึงไม่เหมาะที่จะใช้ในช่วงเวลาที่ต้องทำงาน และไม่ควรขับยานพาหนะขณะได้รับยานี้เพราะจะทำให้เกิดอันตรายได้
3.4 ยาแก้ปวด
พาราเซตามอลเป็นยาที่มีฤทธิ์ลดไข้ บรรเทาปวดที่มีความปลอดภัย แต่มีข้อควรระวัง คือ ไม่ควรรับประทานเกินวันละ 8 เม็ด (เม็ดละ 500 มิลลิกรัม) และไม่ควรใช้ยาติดต่อกันเกิน 5 วันเพราะอาจนำไปสู่การเกิดพิษต่อตับ โดยก่อนรับประทานควรอ่านฉลากอย่างละเอียด ผู้ที่เป็นโรคตับ ไต ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา
ทั้งนี้ ก่อนใช้ยาทุกครั้งควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร และควรใช้ยาตามที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำอย่างเคร่งครัด โดยหากอาการไม่ดีขึ้น หรือแย่ลง ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที
ข้อมูลอ้างอิง
https://oryor.com/media/checkSureShare/media_specify/710?ref=search
https://www.si.mahidol.ac.th/th/division/faci.envi/knowledge_detail.asp?id=8
https://oryor.com/media/infoGraphic/media_printing/1893
https://oryor.com/%E0%B8%AD%E0%B8%A2/detail/media_news/308
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ