RS Music เตรียมจัดตั้งกิจการร่วมค้า (Joint Venture) กับค่ายเพลงชั้นนำอันดับหนึ่งของโลก Universal Music Group (UMG) โดย UMG ใส่เงินลงทุน 1,600 ล้านบาท เพื่อร่วมบริหารลิขสิทธิ์เพลงของ RS ที่มีมากกว่า 13,000 เพลง พร้อมปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ เน้นสร้างรายได้ในหลากหลายช่องทาง ตั้งเป้าสร้างรายได้ 1,200 ล้านใน 3 ปี
ช่วงเดือน ก.ค. 2566 สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานว่านายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาร์เอส (RS) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ธุรกิจเพลง หรือ RS Music (อาร์เอส มิวสิค) ภายใน 3 ปี (66-68) จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 30% หรือโตแตะ 1,200 ล้านบาทในปี 68 โดยจะมีสัดส่วนรายได้มาจาก Online & Offline Monetization (การบริหารลิขสิทธิ์)ราว 40%, Maketing & Brand Engagement 25%, Showbiz & Concerts 20% และ Talent Management ราว 10%
ขณะที่ปีนี้คาดมีรายได้เติบโตที่ 720 ล้านบาท มาจาก Online & Offline Monetization จำนวน 130 ล้านบาทMaketing & Brand Engagement จำนวน 200 ล้านบาท, Showbiz & Concerts จำนวน 350 ล้านบาม และ Talent Management จำนวน 40 ล้านบาท
โดยในปีนี้จะเป็นการทรานฟอร์มธุรกิจเพลง ภายใต้โครงสร้างใหม่ของ RS Music ซึ่งล่าสุด เตรียมจัดตั้งกิจการร่วมค้า (Joint Venture) ระหว่าง RS Music กับพาร์ทเนอร์ค่ายเพลงชั้นนำอันดับหนึ่งของโลก "ยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุ๊ป" (Universal Music Group หรือ UMG) โดย UMG จะถือหุ้นในสัดส่วน 70% คิดเป็นวงเงินลงทุน 1,600 ล้านบาท และ RS Music ถือหุ้น 30% เพื่อร่วมบริหารลิขสิทธิ์เพลงของ อาร์เอสที่มีมากกว่า 13,000 เพลง ผ่านศักยภาพและพอร์ตของ UMG และพาร์ทเนอร์สตรีมมิ่งออนไลน์ต่างๆ ส่วนออฟไลน์ (Offline) ทาง RS โดยบริษัท จัดเก็บลิขสิทธิ์ไทย จำกัด (TCC) ยังเป็นผู้บริหารเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ผับ บาร์ คาราโอเกะ เป็นต้น
"ความร่วมมือกับ UMG ถือว่าเป็นพาร์เนอร์ใหญ่ ไม่ใช่เพียงการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน แต่ยังเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ในการทำธุรกิจกับ RS Music ซึ่งหมายความว่า เพลงใหม่ๆ ที่จะทำแบบครบวงจร จะมี UMG เป็นพาร์ทเนอร์ในการเป็นผู้จัดจำหน่ายให้กับ RS Music ทำให้มีตลาดที่กว้างขึ้น หรือจะทำให้ผู้คนจากทั่วโลกเข้าถึงคอนเทนต์ด้านดนตรีของเราได้อย่างหลากหลายยิ่งขึ้น ผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Facebook, Instagram, TikTok หรือแพลตฟอร์มสตรีมมิง ได้แก่ Spotify, Apple Music, JOOX และอื่นๆ ในขณะที่อาร์เอส มิวสิค จะบริหารลิขสิทธิ์เพลงภายในประเทศในช่องทางออฟไลน์ ทั้งร้านอาหาร ผับ บาร์ คาราโอเกะ การทำมิวสิค มาร์เก็ตติ้ง และการใช้งานรูปแบบอื่น ๆ อาทิ การจัดคอนเสิร์ต และโชว์บิซ" นายสุรชัย กล่าว
การร่วมมือกับยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุ๊ป ในครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับ อาร์เอส มิวสิค ดังนี้
- เพิ่มประสิทธิภาพการสร้างรายได้ออนไลน์ โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 30-40% และมี Impressions เพิ่มขึ้น 15-20% จากแพลตฟอร์ม OTT ต่างๆ ผ่านการบริหารของ ยูนิเวอร์แซล มิวสิค
- ขยายช่องทางการเผยแพร่งานเพลงผ่านตลาดต่างประเทศและมีเครือข่ายที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสให้แก่ศิลปินในสังกัดและคอนเทนต์ของ อาร์เอส มิวสิค ในตลาดต่างประเทศ
- ใช้ทรัพยากรของ ยูนิเวอร์แซล มิวสิค ในการพัฒนาศิลปินและคอนเทนต์ของ อาร์เอส มิวสิค ผ่านการใช้เทคโนโลยีData Analytics ที่ทันสมัยในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค รวมถึงความร่วมมือในอนาคตเพื่อสร้างสรรค์คอนเทนต์ร่วมกับศิลปินของ ยูนิเวอร์แซล มิวสิค นอกจากนั้น อาร์เอส มิวสิค ยังยกเครื่องปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ทั้งหมดเพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินงานภายใต้โมเดลธุรกิจใหม่ โดยแบ่งเป็น
1. Digital Monetization ผลิตผลงานเพลงทั้งจากศิลปินรุ่นใหม่และศิลปินระดับตำนานของอาร์เอส รวมถึงสร้างผลงานเพลงร่วมกับศิลปินชื่อดังจากภายนอก
2. Copyright Revenue การจัดเก็บและต่อยอดทรัพย์สินทางภูมิปัญญา (IP) ลิขสิทธิ์เพลง ของ อาร์เอส มิวสิค
3. Marketing Projects & Campaigns การทำมิวสิค มาร์เก็ตติ้ง หรือแคมเปญการตลาดต่างๆ กับคู่ค้า
4. Showbiz & Concerts การจัดกิจกรรม อีเวนต์ เฟสติวัล และคอนเสิร์ต
5. Talent Management การบริหารและดูแลศิลปิน
"เพียงแค่เพลงทั้งหมดของ RS ไปอยู่บน Account ของ UMG แวรู หรือเกรดที่ได้จากการดูแล หรือการจัดชั้นของออนไลน์ต่างๆ ก็จะเปลี่ยนไปทันที ในทางที่ดีขึ้น และต้องยอมรับว่าธุรกิจเพลงปัจจุบันคือ ซอฟต์พาวเวอร์ การที่ธุรกิจเพลงเป็นสิ่งที่ไม่มีเส้นแบ่งพรมแดนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การที่ UMG จะสามารถเป็นช่องทางเผยแพร่ในตลาดต่างประเทศ ทั้งในกลุ่มคอนเทนต์ การทำมาร์เก็ตติ้ง หรือในอนาคตหากมีศิลปินใหม่ ที่มีศักยภาพ ก็สามารถจับมือกับ UMG ต่อยอดไปได้ ในอีกมุมหนึ่งก็จะแชร์ แบ่งปันเทคโนโลยี โนว์ฮาวต่างๆ ทั้งคอนเทนท์ของ RS Music รวมถึงการสร้างศิลปิน"
ปัจจุบัน RS Music ถือหุ้นโดย RS Group โดยในช่วงที่ผ่านมามีการร่วมลงทุน (JV) กับทาง GMM Music จัดตั้งกิจการร่วมค้า ACROSS THE UNIVERSE JOINT VENTURE (รูปแบบความร่วมมือรายโปรเจกต์) (RS Music ถือหุ้น 50%) เพื่อร่วมจัด "ซีรีส์คอนเสิร์ต" และเตรียมจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ UMG
การดำเนินธุรกิจเพลงอย่างครบวงจร จะประกอบไปด้วย 5 ส่วน ได้แก่ Digital Monetization (เพลงใหม่ตั้งแต่ปี 66 เป็นต้นไป), Copyrights การบริหารลิขสิทธิ์จากอีเวนต์และช่องทางออฟไลน์อื่นๆ, Marketing&Brand Engagement แคมเปญมิวสิคมาร์เก็ตติ้ง เพื่อสร้างเอ็นเกจเมนต์ของแบรนด์, Showbiz&Concerts การจัดกิจกรรม อีเวนต์ เฟสติวัล และคอนเสิร์ต, Talent Management การบริหารและดูแลศิลปิน
นายสุรชัย กล่าวว่า ภายหลังจากที่มีการจัดโครงสร้างแล้วเสร็จ ภายในปี 67 บริษัทฯ ก็มีแผนนำ RS Music เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วงปลายปีหน้า หรือต้นปี 68 ขณะเดียวกันยังตั้งเป้าออกผลงานเพลงใหม่มากกว่า 200 เพลง และสร้างการเติบโตของรายได้ผ่านทาง Online Monetization, Music Marketing & Brand Engagement และ Showbiz & Concerts
นอกจากนี้จะขยายสู่ตลาดต่างประเทศด้วยคอนเทนต์คุณภาพระดับสากล, มองโอกาสในการเข้าซื้อกิจการ (M&A) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ RS Music และโปรเจกต์พิเศษผ่าน Across the Universe JV
"การกลับมาทำธุรกิจเพลงอีกครั้ง เราไม่ต้องการเป็นเบอร์ 1 เนื่องจากการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ปัจจุบันนี้เป็นเบอร์ 1 ยาก แต่เราจะหาเพื่อน ทำงานร่วมกันกับทุกค่ายด้วยกันแบบเพื่อนมากกว่า" นายสุรชัย กล่าว
นอกจากนี้ อาร์เอส มิวสิค ประกาศแต่งตั้ง นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่ง นางพรพรรณ เป็นผู้บริหารที่มีความรู้และความสามารถสูง ทั้งยังเข้าใจธุรกิจสื่อและบันเทิงของ อาร์เอส กรุ๊ป เป็นอย่างดี จึงเป็นกำลังสำคัญในการวางแผนกลยุทธ์ และทรานส์ฟอร์มธุรกิจเพลงให้แข็งแกร่ง โดดเด่น และสอดรับกับเป้าหมายในระยะยาว ทั้งการนำธุรกิจเพลงภายใต้ อาร์เอส มิวสิค เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ