ศาลแรงงานสั่งนายจ้างชดใช้เงินกว่า 400,000 บาท แก่ผู้เสียหายชาวเมียนมา 14 คน ในคดีแรงงานของเคสค้ามนุษย์และแรงงานบังคับในไร่อ้อย จ.กาญจนบุรี

31 ส.ค. 2566 ที่ ศาลแรงงาน ภาค 7 เจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (มสพ.) สำนักงานมหาชัย ทนายความ พร้อมทั้งผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่จากสถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จังหวัดปทุมธานี พาลูกจ้างชาวเมียนมาจำนวน 14 คน ในไร่อ้อย จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดีค้ามนุษย์และแรงงานบังคับเดินทางมาไกล่เกลี่ยตามที่ได้มีการฟ้องร้องระหว่างพนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดกาญจนบุรี กับนายจ้าง ให้จ่ายเงินตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน

ตามรายงานกระบวนการพิจารณาครั้งนี้ผู้ร่วมไกล่เกลี่ยกับนายจ้าง ได้แก่ นักพัฒนาชำนาญการพิเศษ เจ้าหน้าที่นักกฎหมายและเจ้าหน้าที่ล่ามจากมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา(มสพ.) พร้อมทั้งผู้เสียหายชาวเมียนมา 14 คน โดยผลจากไกล่เกลี่ยครั้งนี้ นายจ้างยินยอมจ่ายเงิน จำนวนเงิน 400,000 บาท ซึ่งเงินส่วนนี้คิดจาก 73% จากยอดที่พนักงานตรวจแรงงานคิดเป็นเงินจำนวน 547,380 บาท ทั้งนี้ ลูกจ้างไร่อ้อยแต่ละรายจะเฉลี่ยตามยอดที่ตนมีสิทธิ์ได้รับ โดยศาลจะโอนเงิน เข้าบัญชีของลูกจ้างชาวเมียนมาทั้ง 14 ราย ภายในสองวันทำการ

คดีนี้สืบเนื่องจาก 1 มี.ค. 2566 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา ได้ให้ความช่วยเหลือลูกจ้างชาวเมียนมาจำนวน 14 คน เป็นชาย 10 คนและ หญิง 4 คน ซึ่งถูกบังคับให้ทำงานตัดอ้อยอยู่ในพื้นที่ หมู่ 9 ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองได้เข้าทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า นายจ้างอาจเข้าข่ายการกระทำความผิดฐานบังคับใช้แรงงานหรือบริการ ตามมาตรา 6/1 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และความผิดตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง แต่นายจ้างได้ทำการหลบหนีไป และต่อมานายจ้างคนดังกล่าวได้ประสานไปยังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองว่า จะขอเข้ามอบตัวในวันถัดไป ซึ่งเหตุการนี้ต่อเนื่องจากวันที่ 19 ก.พ. 2566 มีลูกจ้างชาวเมียนมารายหนึ่ง ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อมนุษยชนและการพัฒนา สำนักงานสาขาสมุทรสาคร เนื่องจากถูกนายจ้างข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย ไม่จ่ายค่าจ้าง บังคับให้ทำงาน และยึดหน่วงเอกสารประจำตัว จนทำให้ไม่สามารถหลบหนีออกมาได้ (อ่านเพิ่มเติมกรณีนี้)

ล่าสุดวันที่ 9 พ.ค. 2566 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ออกแถลงผิดคดี นำโดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) แถลงปิดคดีบังคับใช้แรงงานเมืองกาญจนบุรี โดยดำเนินคดีนายจ้าง ผู้สนับสนุน คนนำพาต่างด้าว รวม 9 ราย ในหนังสือได้ระบุว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้สั่งการให้ สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีในความผิดค้ามนุษย์ รวมทั้งสืบสวนขยายผลการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งกระบวนการให้ครบถ้วน จากการสืบสวนพบว่า นายจิรายุทธ์ เฉลิมศุภเศรษฐ์ นายจ้าง ได้รับจ้างขนแรงงานผิดกฎหมาย จากนั้นได้บังคับให้ทำงานในไร่อ้อย โดยยึเอกสารประจำตัวทั้งหมด และข่มขู่โดยการใช้อาวุธมีดและปืน ทำให้แรงงานหวาดกลัวและยอมทำงาน โดยที่ต้องทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด และได้เงินสัปดาห์ละ 500 บาท/คน และต้องพักอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างแออัด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ต้องหารวม 9 คน แบ่งเป็นนายจ้าง 1 ราย ผู้สนับสนุน 2 ราย และคนนำพาต่างด้าวมาทำงานจำนวน 6 คน ซึ่งดำเนินคดีในฐาน ค้ามนุษย์ และบังคับแรงงานหรือบริการฯ, ดำเนินคดีฐานเป็นผู้สนับสนุนค้ามนุษย์และบังคับใช้แรงงานหรือบริการฯ และดำเนินคดีฐาน ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมายนั้นพ้นจากการจับกุม

เบื้องต้นทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สรุปว่า การดำเนินคดีการนำพาคนทั้ง 6 รายนั้น ได้แยกดำเนินคดีเป็นอีกส่วนหนึ่ง และได้สรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการแล้ว ส่วนการดำเนินคดีกับนายจ้างและผู้สนับสนุนนั้น อยู่ในระหว่างส่วนสำนวนเตรียมส่งพนักงานอัยการ โดยแยกสำนวนของเจ้าหน้าที่รัฐให้กับพนักงานอัยการพิเศษคดีปราบปรามการทุจริต