ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและผู้อ่านทุกท่าน
สื่อทุกช่องทั้งส่วนกลางและชายแดนใต้ ทั้งในประเทศหรือแม้แต่ต่างประเทศ ต่างรายงานข่าว ศาลจังหวัดนราธิวาส รับฟ้องคดีโศกนาฏกรรมตากใบซึ่งชาวบ้าน ทีมทนายความของมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม มูลนิธิผสานวัฒนธรรมร่วมกับศูนย์นิติธรรมสมานฉันท์จังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาทนายความซึ่งเป็นโจทก์รวม 48 คน ได้ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐ 9 คน ต่อศาลจังหวัดนราธิวาสแต่ศาลรับฟ้อง 7 ราย
“เหตุการณ์ตากใบ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ต.ค.47 มีประชาชนเสียชีวิตรวม 85 คน และมีผู้บาดเจ็บ พิการไปจนถึงสูญหายอีกหลายคน แม้จะผ่านมาแล้วเกือบ 20 ปี เกิดสมัยอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรแต่ไม่นานพอที่จะทำให้การสูญเสียผู้เป็นที่รักในวันนั้นลางเลือนไปและการต่อสู้อดทนของพวกเขาก็เป็นผล หลังยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐรวม 9 คน ด้วยตัวเอง วันนี้ 23 สิงหาคม ในช่วงที่แพรทองธารลูกสาวนายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีพอดีซึ่งศาลจังหวัดนราธิวาส รับฟ้องคดีพร้อมนัดสอบคำให้การ 12 ก.ย.”
ดังนั้นจึงขอเชิญชวนให้สื่อมวลชนและประชาชนที่สนใจร่วมติดตามนัดสอบคำให้การ ในวันที่ 12 กันยายน 2567 เวลา 9.00 น. ต่อไปอย่างใกล้ชิด ให้มั่นใจว่าจะมีการค้นหาความจริงและนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ เพื่อให้ผู้เสียหายและครอบครัวผู้เสียชีวิตได้รับความยุติธรรมและได้รับการเยียวยาอย่างเหมาะสม และเพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินคดีอาญาในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ให้บทเรียนกับรัฐไทยเพื่อไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงเช่นนี้กับบุคคลใดได้อีก
ทำไมควรยกย่องชาวบ้าน?
ขอขอบคุณชาวบ้านที่กล้าเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญากับเจ้าหน้าที่รัฐระดับผู้ใหญ่ทั้งนั้นเพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับผู้ที่เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ จำนวนมากในเหตุการณ์ คดีนี้จะต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่จะเป็นบทเรียนที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ระมัดระวังการสลายการชุมนุมการปฎิบัติต่อประชาชน ผู้ถูกควบคุมตัวไม่ให้เกิดการ ไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีกในแต่ละพื้นที่ของประเทศไทยมิใช่เฉพาะชายแดนใต้อย่างเดียว
ความเป็นจริงต้องยอมรับ ว่า “ตลอดช่วงที่ผ่านมาชาวบ้านจะถูกคุกคามและ กดดัน หลังคนของรัฐทราบว่า ชาวบ้านจะฟ้องคดีนี้ เจ้าหน้าที่หลายนายมาเยี่ยมชาวบ้าน การที่มาเยี่ยมชาวบ้านแบบนี้ มาเยี่ยมแต่ชาวบ้าน ที่จะฟ้องรัฐ สำหรับชายแดนใต้แล้วพวกเขารู้สึกถูกคุกคาม ซึ่งอาจจะต่างจากพื้นที่อื่นๆของประเทศไทย” สิ่งที่ผู้เขียนสัมผัสได้คือช่วงเดินทางร่วมคณะกมธ.สันติภาพชายแดนใต้นำทีมโดย ท่านจาตุรนต์ ฉายแสงสองครั้งครั้งที่1 ที่เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2567 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ซึ่งตัวแทนชาวบ้านเดินทางไปทวงคืนความเป็นธรรมเหตุความสูญเสีย ‘ตากใบพร้อมสะท้อนว่าถูกคุกคามเพราะเจ้าหน้าที่ไปเยี่ยมบ้าน และ
ครั้งที่2 วันที่ 1 มิถุนายน 2567 ได้เดินทางไปตากใบเพื่อพบชาวบ้านที่ได้รับผลกระบซึ่งได้นัดหมายล่วงหน้าว่าจะไปพบที่ตากใบ แต่เราไม่ได้พบพวกเขา ? จึงเกิดคำถามมากมายว่า ทำไม? มีอะไรเกิดขึ้น
นวลน้อย ธรรมเสถียร ที่เดินทางร่วมคณะไปด้วยน่าจะเล่าเรื่องนี้ได้ดีโดยสะท้อนว่า
“กรรมาธิการสันติภาพคงจะได้ลิ้มรสปัญหาผลกระทบของความขัดแย้งเป็นประสบการณ์ตรงแล้ว หลังจากที่ดีเบทและรับฟังปัญหาจากฝ่ายต่างๆมานานหลายเดือน
การไปรับฟังปชช.ที่นราธิวาสวันนี้มีอาการที่เป็นเรื่องก้ำกึ่งมาก ในเชิงสถานการณ์ ช่วงที่ผ่านมามีเหตุการณ์เกิดในนราธิวาสถี่กว่าที่อื่น อันนี้น่าจะทำให้มีการระมัดระวังเพิ่มขึ้นจากเดิม แต่การดูแลกันมากก็จะมีผลทางตรงข้าม
ในขณะที่เราต้องเข้าใจข้อเท็จจริงว่า เมื่อครอบครัวผู้เสียหายตัดสินใจฟ้อง มันเป็นการอัพเกมเรื่องตากใบอย่างแรงมาก เรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดแม้จะมีความพยายามมาก่อนเรื่องชาวบ้านจะฟ้องจนท.
ระดับของแรงกดดันมากขนาดไหนก็คือจะเห็นว่า หลังจากที่มีข่าวว่าครอบครัวจะฟ้อง ก็มีการเยี่ยมเยียนจากจนท.ทันที คนนอกพท.อย่างเราไม่รู้ว่า การดำรงอยู่ของชาวบ้านที่ต้องเลี้ยงตัวเองอยู่บนความหล่อแหลมแบบนี้มันลำบากขนาดไหน คือเราเข้าใจแต่เราไม่เข้าใจอย่างถึงที่สุด
วันนี้เราจึงไม่ได้เห็นภาพการได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับกลุ่มผู้เสียหายตากใบ” นวลน้อย ยังอธิบายต่ออีกว่า “ในเมื่อผ่านมาร่วมยี่สิบปี แต่ไม่ปรากฏว่ามีการดำเนินการเพิ่มโดยภาครัฐ การฟ้องร้องคดีตากใบโดยกลุ่มผู้เสียหาย อย่างน้อยที่สุด ก็น่าจะเป็นการเปิดทางให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมมากไปกว่าที่ปรากฏในรายงาน ซึ่งควรจะเป็นจุดเริ่มต้นไม่ใช่บทสรุป” ที่สำคัญยิ่งมันเป็นโอกาสให้กระบวนการยุติธรรมไทยพิสูจน์ตัวเอง
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ