กบง. สั่งตรึงราคา LPG อีก 3 เดือน มีผล 1 ก.ค. - 30 ก.ย. 2567 และให้คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) พิจารณาบริหารจัดการเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้สอดคล้องกับแนวทางการทบทวนการกำหนดราคาก๊าซ LPG ในขณะที่มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานหารือกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอเรื่องขออนุมัติในหลักการจากคณะรัฐมนตรี โดยรูปแบบจะให้สิทธิช่วยเหลือค่าน้ำมัน 120 บาท/คน/เดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือน ต.ค. – ธ.ค. 2567
Energy News Center รายงานเมื่อช่วงปลายเดือน มิ.ย. 2567 ว่านายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน ได้เปิดเผยว่า ที่ประชุม กบง. ซึ่งมี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ได้มีการพิจารณาถึงสถานการณ์ราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ของตลาดโลกรวมถึงสถานะกองทุนน้ำมัน โดยที่ประชุมได้มีมติให้คงราคาขายส่งก๊าซ LPG หน้าโรงกลั่น ที่ 20.9179 บาทต่อกิโลกรัม (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยมีกรอบเป้าหมายเพื่อให้ราคาขายปลีก LPG อยู่ที่ประมาณ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. - 30 ก.ย. 2567 และให้คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) พิจารณาบริหารจัดการเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้สอดคล้องกับแนวทางการทบทวนการกำหนดราคาก๊าซ LPG ต่อไป
นายวีรพัฒน์ฯ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ตามที่ราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินในประเทศปรับตัวสูงขึ้น และมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2567 จึงมีความจำเป็นในการพิจารณามาตรการบรรเทาผลกระทบด้านราคาน้ำมันสำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเป็นประชาชนกลุ่มเปราะบางที่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือในช่วงที่ราคาน้ำมันทรงตัวอยู่ในระดับสูง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมัน ลดภาระค่าครองชีพ ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มศักยภาพให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น กบง.จึงได้มีมติเห็นชอบในหลักการ “มาตรการบรรเทาผลกระทบราคาน้ำมันสำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” และมอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานไปหารือกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอเรื่องขออนุมัติในหลักการจากคณะรัฐมนตรี โดยรูปแบบจะให้สิทธิช่วยเหลือค่าน้ำมัน 120 บาท/คน/เดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนต.ค. – ธ.ค. 2567 ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณารายละเอียดมาตรการฯ ตามขั้นตอน ข้อกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาสัมพันธ์รายละเอียดความคืบหน้าเพื่อให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทราบโดยทั่วกัน
สำหรับฐานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ล่าสุด ณ วันที่ 23 มิ.ย.2567 ยังติดลบอยู่ 110,743 ล้านบาท โดยเป็นการติดลบในบัญชี LPG จำนวน 47,622 ล้านบาทและติดลบในบัญชีน้ำมัน 63,121 ล้านบาท
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ