PETA Asia ระบุว่า การฝึก “การปรับพฤติกรรม” ช้างเป็นเพียงคำพูดที่ใช้ปกปิดความโหดร้ายและการทารุณกรรม | ที่มาภาพ: World Animal Protection Thailand

เมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค. 2024 PETA Asia ได้แจ้งข่าวถึงสื่อมวลชน ระบุว่า การฝึก “การปรับพฤติกรรม” ช้างเป็นเพียงคำพูดที่ใช้ปกปิดความโหดร้ายและการทารุณกรรม

เจสัน เบเกอร์ รองประธานอาวุโส PETA Asia ระบุไว้ในอีเมลถึงสื่อมวลชนว่าการจับช้างมัดและตีให้เชื่อฟังนั้นเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ พื้นที่อาศัยของสัตว์ป่านั้นลดลงทุกวัน การหาวิธีการอยู่ร่วมกับช้างซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านของพวกมันอย่างสงบเป็นทางออกที่ยั่งยืนในระยะยาว

แทนที่จะจับช้างป่าที่เครียดมาเพิ่มความเจ็บปวดให้กับพวกมัน เจ้าหน้าที่ไทยควรใช้ทรัพยากรในการสร้างบ่อน้ำเทียม พัฒนาโครงการอนุรักษ์สัตว์ป่าโดยที่ชุมชนมีส่วนร่วม เพื่อเพิ่มประโยชน์จากการท่องเที่ยว และปกป้องพื้นที่ที่เปราะบางโดยการสร้างรั้ว ดูแลรั้ว และการใช้มาตรการป้องกันความขัดแย้งที่ไม่ใช้ความรุนแรง

แทนที่จะทำให้ช้างต้องทนทุกข์ทรมานมากขึ้น เจ้าหน้าที่ไทยควรดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อให้การช่วยเหลือแก่ช้างที่กำลังอยู่ในสภาพที่ทรมานอยู่แล้วเจ้าหน้าที่ไทยควรให้การช่วยเหลือช้างนับพันตัวที่กำลังถูกใช้แรงงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ตัวอย่างเช่น ที่อยุธยา—ซึ่งเป็นสถานที่มรดกโลกของยูเนสโก—ช้างถูกตี มัด และบังคับให้พานักท่องเที่ยว ซึ่งทำให้สัตว์ที่ฉลาดและละเอียดอ่อนเหล่านี้ต้องทนทุกข์ทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรง วงจรของความรุนแรง การบาดเจ็บ และการถูกพรากจากชีวิตที่เป็นธรรมชาติและเสรีทำให้ช้างมีพฤติกรรมส่ายไปมาไม่หยุดซึ่งเป็นพฤติกรรมทางประสาทที่พบบ่อยในช้างที่ถูกกักขัง

แทนที่จะทำให้ช้างต้องทนทุกข์ทรมานมากขึ้น เจ้าหน้าที่ไทยควรดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อให้การช่วยเหลือแก่ช้างที่กำลังอยู่ในสภาพที่ทรมานอยู่แล้ว