เปิดพฤติกรรมการเล่นพนันออนไลน์ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ปี 2566

กองบรรณาธิการ TCIJ 17 มิ.ย. 2567 | อ่านแล้ว 17889 ครั้ง

ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนันประเมินว่าในปี 2566 มีคนรุ่นใหม่เล่นการพนันออนไลน์เกือบ 3 ล้านคน แซงหน้าการเล่นพนันแบบออฟไลน์ไปแล้ว - การพนันออนไลน์ยอดนิยมอันดับ 1 คือ 'สลอตแมชชีน' มีผู้เล่นประมาณ 1.140 ล้านคน พบพฤติกรรมนิยมเล่นการพนันที่มีวงจรการเล่นพนันที่สั้นกระตุ้นให้เล่นซํ้า ๆ ต่อเนื่อง เสี่ยงต่อการสร้างพฤติกรรมเสพติดพนัน - คนรุ่นใหม่ 1 ล้านคน ได้รับผลกระทบจากพนันออนไลน์ หนี้สินจากการเล่นพนันกว่า 770 ล้านบาท

ข้อมูลจาก รายงานศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ปี 2566 ระบุว่าศูนย์ศึกษาปัญหาการพนันจัดให้มี การศึกษาพฤติกรรมการเล่นพนันออนไลน์ในกล่มุ คนรุ่นใหม่ โดยศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ (SAB) เป็นผู้ดำเนินการสำรวจและประมวลผลข้อมูล มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะสำรวจความคิดเห็น ประสบการณ์สถานการณ์พฤติกรรม และผลกระทบในแง่มุมต่างๆ จากการเล่นพนันออนไลน์ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาในกลุ่มประชากรที่เป็นคนรุ่นใหม่ อายุ 15-25 ปี จาก 19 จังหวัดทั่วประเทศ ด้วยการสัมภาษณ์แบบเผชิญหน้า (Face to face interview) ลงระดับครัวเรือน ประยุกต์ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น และกำหนดลักษณะตัวอย่างให้สอดคล้องกับประชากรเป้าหมายจริง รวม 5,010 ตัวอย่าง เก็บข้อมูลระหว่าง 20 ม.ค.- 24 ก.พ. 2566 ผลการสำรวจมีประเด็นที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

คนรุ่นใหม่ในโลกออนไลน์ โลกที่เชื่อมต่อกับการพนัน

กล่มุ ตัวอย่างทุกคน (ร้อยละ 100) ระบุว่าตนใช้งานอินเทอร์เน็ต โดยเฉลี่ยคนรุ่นใหม่เข้าไปอยู่ในโลกออนไลน์วันละ 10.7 ชั่วโมงหรือเกือบครึ่งหนึ่งของเวลาในแต่ละวันกิจกรรมที่ทำหลักๆ คือ การใช้งานโซเชียล-มีเดีย ติดต่อสื่อสารหรือโทรศัพท์ การดูหนังฟังเพลงดูคลิปวีดิโอ และการเรียน/ทำงานทางออนไลน์ รองลงมาคือ การเล่นเกมออนไลน์ ชมหรือเลือกซื้อ-ขายสินค้าออนไลน์ ขณะที่ร้อยละ 31.8 ระบุว่า เล่นพนันออนไลน์

คนรุ่นใหม่เล่นพนันออนไลน์เฉลี่ยวันละ 1 ชั่วโมงว่างเมื่อไหร่ก็พร้อมที่จะเล่นเมื่อนั้น แต่ช่วงเวลาที่เล่นจะแตกต่างไปเล็กน้อยตามช่วงวัน หากเป็นวันหยุด ส่วนใหญ่จะเล่นทุกช่วงที่มีเวลาว่าง (ร้อยละ 51.6) โดยมีบ้างที่เล่นเฉพาะตอนกลางคืน (ร้อยละ 23.1) แต่หากเป็นวันที่มีการเรียนหรือทำงาน สัดส่วนคนที่เล่นเฉพาะตอนกลางคืนจะสูงขึ้นตามหลังคนที่เล่นทุกช่วงที่มีเวลาว่างอยู่เพียงเล็กน้อย (ร้อยละ 30.3 และ 31.7 ตามลำดับ)

นอกจากนี้การพนันยังแฝงตัวอยู่ในเกมที่คนรุ่นใหม่เล่นผ่านทางออนไลน์อีกด้วยโดยเกือบครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างที่เล่นเกมออนไลน์ ระบุว่าซื้อไอเท็มหรือส่งของภายในเกมด้วยเงินจริงหรือเงินในเกม (ร้อยละ 48.5) เกิน 1 ใน 3 มีการเปิดกล่องสุ่มในเกมด้วยเงินจริงหรือเงินในเกม (ร้อยละ 37.7) แม้ยังเป็นที่ถกเถียงว่า ‘กล่องสุ่ม’ เป็นการพนันประเภทหนึ่งหรือไม่ แต่ก็มีองค์ประกอบที่ใกล้เคียงกับการพนัน กล่าวคือ มีการวางเดิมพันเพื่อเปิดกล่องสุ่ม (Consideration) ไม่ว่าจะด้วยเงินจริงหรือเงินภายในเกมก็ตาม มีการเล่นกับความไม่แน่นอนในการเปิดกล่องสุ่ม (Chance) และท้ายที่สุด มีการให้รางวัล (Prize) ซึ่งเป็นผลที่ตามมาจากการเสี่ยงกับความไม่แน่นอนหรือก็คือไอเท็มที่ผู้เล่นอาจต้องลุ้นเปิดกล่องสุ่มอยู่หลายรอบกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการ องค์ประกอบเหล่านี้ส่งผลให้การเปิดกล่องสุ่มให้ประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกับการเล่นพนันเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 4.5 ยังระบุว่ามีการนำไอเท็มหรือสิ่งของภายในเกมไปใช้เล่นพนันในเว็บไซต์อื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับเกมที่เล่น เช่น เว็บไซต์คาสิโนออนไลน์ เป็นต้น จึงอาจกล่าวได้ว่า นอกจากเกมออนไลน์จะไม่ปลอดจากการพนันแล้ว ยังสามารถเชื่อมโยงและส่งตอ่ ผู้เล่นไปสู่การพนันออนไลน์ได้อีกด้วย

โฆษณาพนันออนไลน์เข้าถึงคนรุ่นใหม่ชวนเล่น ชวนแชร์

ถึงไม่ตั้งใจจะเข้าหาการพนัน แต่การพนันก็พยายามจะเข้าหาเรา คนรุ่นใหม่ถึงร้อยละ 87.7 พบเห็นโฆษณาหรือได้รับการชักชวนให้เล่นพนันออนไลน์ ส่วนใหญ่พบเห็นทุกวันหรือเกือบทุกวัน (ร้อยละ 34.6) หรืออย่างน้อย 1-4 ครั้งต่อสัปดาห์ (ร้อยละ 31.9) เกือบทั้งหมดพบเห็นผ่านช่องทางออนไลน์ พบมากที่สุดผ่าน Facebook รองลงมาคือ TikTok LINE YouTube และเว็บไซต์ ตามลำดับ ขณะที่ประมาณครึ่งหนึ่ง พบเห็นหรือถูกเชิญชวนให้เล่นพนันผ่านช่องทางออฟไลน์ มากที่สุดคือผ่าน SMS รองลงมาคือมีเพื่อนหรือคนรู้จักบอกต่อพบเห็นจากป้ายโฆษณา และจากโทรทัศน์

ประเภทโฆษณาพนันออนไลน์ที่คนรุ่นใหม่พบเห็นหรือได้รับการชักชวนให้เล่นอันดับต้น ๆ คือ ไพ่พนัน สลอตแมชชีน/ตู้พนัน รองลงมาคือ หวยใต้ดินและสลากกินแบ่งรัฐบาลในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ตามด้วย โต๊ะเกมพนัน พนันฟุตบอล ไฮโล/โปปั่น/นํ้าเต้าปูลา รูเล็ต และหวยต่างประเทศ ตามลำดับ

โฆษณาพนันออนไลน์เหล่านี้ดูเหมือนจะประสบผลสำเร็จในการดึงดูดความสนใจของคนรุ่นใหม่อยู่พอสมควร เพราะเมื่อถามความรู้สึกจากที่ได้พบเห็นโฆษณาพนันออนไลน์ คนรุ่นใหม่ถึงร้อยละ 43.7 รู้สึกอยากลองเล่น ขณะที่เมื่อถามถึงการตอบสนองเวลาที่พบเห็นโฆษณาพนันออนไลน์ แม้ส่วนใหญ่จะระบุว่าไม่สนใจและปล่อยผ่านไป (ร้อยละ 69.6) แต่มีอยู่ไม่น้อยที่ลองคลิกหรือกดเข้าไปดูตามโฆษณา (ร้อยละ 25.6) บางส่วนยอมรับว่าลองเข้าไปเล่นพนันออนไลน์ (ร้อยละ 13.8) อย่างไรก็ดีก็มีคนที่กดบล็อกโฆษณาเหล่านั้น (ร้อยละ 15) หรือรีพอร์ท/แจ้งตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (ร้อยละ 2.3)

ยิ่งไปกว่านั้น คนที่เคยพบเห็นโฆษณาพนันออนไลน์จำนวนหนึ่งเปิดเผยว่า เคยแชร์หรือแนะนำให้ผู้อื่นเข้าไปเล่นพนันออนไลน์ด้วย (ร้อยละ 7.4) ช่องทางหลักที่ใช้แชร์/ชักชวนคือ LINE และ Facebook (ร้อยละ 51.2 และ 46.0 ตามลำดับ) จำนวนไม่น้อยเลือกที่จะใช้การบอกหรือชักชวนต่อหน้า (ร้อยละ 38.0) และบางส่วนใช้วิธีโทรชวน (ร้อยละ 9.0) โดยครึ่งหนึ่งของคนกลุ่มนี้ยอมรับว่า มีรายได้จากการแชร์เว็บ/แอปพนันออนไลน์ หรือจากการแนะนำให้ผู้อื่นเล่น

การพนันออนไลน์ผ่านสายตาคนรุ่นใหม่รู้ว่าอันตราย แต่ต้องการเลือกด้วยตัวเอง

ผู้ใหญ่บางคนอาจมองว่าคนรุ่นใหม่มีประสบการณ์ในชีวิตน้อยและอยู่ในช่วงวัยอยากรู้อยากลอง จึงน่าจะตกเป็นเหยื่อของธุรกิจการพนันได้ง่าย โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบทางลบที่จะตามมา แต่จากการสอบถามความคิดเห็นของคนรุ่นใหม่เกี่ยวกับการพนันออนไลน์ในประเด็นต่าง ๆ กลับให้ภาพที่แตกต่างออกไป

คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่มองเห็นว่า การเล่นพนันออนไลน์สะดวกกว่าออฟไลน์ (ร้อยละ 81.5) และหาช่องทางเล่นได้ไม่ยาก (ร้อยละ 81.8) ขณะเดียวกันก็มองว่า สื่อออนไลน์ช่วยให้มีข้อมูลในการเล่นพนันมากขึ้น (ร้อยละ 74.8) และทำให้เจอเพื่อนที่เล่นพนันด้วยกันได้ง่ายขึ้น (ร้อยละ 63.5) ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังค่อนข้างเชื่อมั่นและไว้ใจในบริการของเว็บไซต์/แพลตฟอรม์ รับเล่นพนันออนไลน์ (ร้อยละ 45.2)

ถึงอย่างนั้น คนรุ่นใหม่ก็ตระหนักถึงอิทธิพลของสื่อออนไลน์และการโฆษณาที่ส่งผลชักจูงให้พวกเขาเข้าสู่การพนันออนไลน์โดยส่วนใหญ่มองว่า โฆษณาเว็บไซต์พนันผ่านสื่อออนไลน์ และการใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงหรืออินฟลูเอนเซอร์มาทำโฆษณา ทำให้คนเล่นพนันมากขึ้น (ร้อยละ 75.8 และร้อยละ 65.0 ตามลำดับ) อีกทั้งยังเห็นด้วยว่า การขายสลากกินแบ่งบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น แอปเป๋าตังค์ เว็บกองสลากพลัส ทำให้คนซื้อสลากกินแบ่งมากขึ้น (ร้อยละ 69.5) นอกจากนี้ยังสังเกตเห็นแนวโน้มที่เกมออนไลน์กับการพนันออนไลน์กำลังทับซ้อนเข้าใกล้กันมากขึ้นทุกที โดยมองว่า 2 สิ่งนี้ไม่แตกต่างกันมากนัก (ร้อยละ 58.8) และเห็นว่า คนที่เล่นเกมออนไลน์มีโอกาสลองเล่นพนันออนไลน์สูงกว่าคนที่ไม่เล่นเกม (ร้อยละ 54.6)

คนรุ่นใหมส่วนใหญ่ตระหนักถึงอันตรายของพนันออนไลน์ที่มีมากกว่าพนันแบบออฟไลน์ โดยมองว่า พนันออนไลน์ทำให้คนติดพนันง่ายขึ้น (ร้อยละ 75.9) ถ้าลองเล่นแล้ว มีโอกาสติดง่ายกว่า (ร้อยละ 73.2) อีกทั้งยังมีโอกาสเสียเงินในจำนวนที่สูงกว่าการเล่นแบบออฟไลน์ (ร้อยละ 69.1) จึงไม่น่าแปลกใจที่ส่วนใหญ่จะเห็นด้วยให้มีกฎหมายควบคุมการเล่นพนันออนไลน์ที่รัดกุมขึ้น (ร้อยละ 73.6)

อย่างไรก็ดี เมื่อถามความคิดเห็น็ ต่อความคิดที่ว่า “โฆษณาพนันออนไลน์เป็นเรื่องปกติไม่จำเป็นต้องบล็อกหรือแจ้งหน่วยงานใด” แม้คำตอบจะไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันแต่จำนวนไม่น้อยก็เห็นด้วย (ร้อยละ 35.3) สะท้อนว่า บางส่วนไม่ต้องการให้มีการจำกัดเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร และน่าจะเชื่อว่าตนสามารถตัดสินใจเลือกทำในสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีใครมาคัดกรองข้อมูลให้

การพนันออนไลน์ใกล้แค่เอื้อม คนรุ่นใหม่จึงเคยเอื้อมมือไปสัมผัส

หากถามว่า การพนันออนไลน์ขยายตัวเข้าถึงคนรุ่นใหม่มากน้อยแค่ไหน ตอบแบบ สั้น ๆ ก็คือ “แซงหน้าพนันแบบออฟไลน์ไป เป็นที่เรียบร้อย”

ผลการสารวจการเล่นพนันในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า คน รุ่นใหม่ร้อยละ 32.3 หรือคิดเป็นจํานวน 2.996 ล้านคน เล่นการพนันออนไลน์ใน รอบปี 2566 ในจํานวนนี้ประมาณ 0.739 ล้านคนเป็นนักพนันออนไลน์หน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มเล่นครั้งแรกในปีที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มที่เล่นพนันออฟไลน์มีอยู่ร้อยละ 30.2 หรือ ประมาณ 2.798 ล้านคน

เมื่อจําแนกในรายละเอียด คนรุ่นใหม่ ที่เล่นการพนันในรอบปี 2566 นิยมเล่น ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไป (ร้อยละ 20.4 ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด หรือ ประมาณ 1.894 ล้านคน) ขณะที่กลุ่มที่เล่นเฉพาะการพนันออนไลน์ (ร้อยละ 11.9 หรือ 1.102 ล้านคน) มีมากกว่ากลุ่มที่เล่นเฉพาะ พนันออฟไลน์อยู่เล็กน้อย (ร้อยละ 9.8 หรือ 0.904 ล้านคน)

ในบรรดาคนรุ่นใหม่ทีเล่นพนันออนไลน์ ในปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นเด็กอายุ 15-18 ปี ประมาณ 0.466 ล้านคน เป็นเยาวชน อายุ 19-25 ปี อีกประมาณ 2.530 ล้านคน โดยคนรุ่นใหม่เพศชายเล่นการพนันออนไลน์ มากกว่าเพศหญิงอยู่พอสมควร (1.765 ล้าน คน และ 1.231 ล้านคน ตามลําาดับ) เมื่อจําแนกตามภูมิภาค พบว่า สัดส่วนคนรุ่นใหม่ ที่เล่นพนันออนไลน์เมื่อเทียบกับคนรุ่นใหม่ ในภูมิภาคนั้นๆ มีมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองลงมาคือ ภาคใต้ และภาคเหนือ ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ตามมาด้วยกรุงเทพฯ และปริมณฑล และภาคกลาง

สลอตแมชชีน การพนันออนไลน์ยอดนิยมวงเงินหมุนเวียนอันดับหนึ่ง

คนรุ่นใหม่ที่เล่นพนันออนไลน์ในรอบปี 2566 เกือบทุกคนเล่นผ่านโทรศัพท์มือถือ (ร้อยละ 98.7) การพนันออนไลน์ยอดนิยม อันดับหนึ่งคือ สลอตแมชชีนหรือตู้พนัน มีผู้เล่นประมาณ 1.140 ล้านคน เกือบทั้งหมดเล่นผ่านเว็บไซต์ อันดับสองคือ หวยใต้ดิน จํานวน 1.033 ล้านคน ส่วนใหญ่เล่นผ่าน เว็บไซต์ แต่ก็มีจํานวนไม่น้อยที่เล่นหวยผ่าน ไลน์ อันดับสามคือ สลากกินแบ่งรัฐบาล 0.984 ล้านคน เกือบทุกคนนิยมซื้อสลากฯ ผ่านแอปขายสลากฯ ทั้งยังพบอีกว่า มีคนรุ่นใหม่อายุ 15-19 ปี ซึ่งอายุต่ำกว่าที่กฎหมายกําหนด เล่นพนันสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์ประมาณ 133,551 คน การพนันออนไลน์ที่เป็นที่นิยมอันดับถัดไปคือ ไ่พนัน พนันทายผลฟุตบอล หวยต่างประเทศและพนันทายผลอีสปอร์ต ตามลําดับ ซึ่ง ทั้งหมดนี้นิยมเล่นผ่านเว็บไซต์เป็นช่องทางหลัก โดยเฉลี่ยคนรุ่นใหม่จะเล่นพนันออนไลน์ คนละประมาณ 2 ประเภท สูงสุดที่พบเล่นมากถึง 9 ประเภท

วงเงินหมุนเวียนจากการเล่นพนัน ออนไลน์ของคนรุ่นใหม่ในปี 2566 มีมากถึง 58,675 ล้านบาท การพนันยอดนิยม อย่างสลอตแมชชีนหรือตู้พนัน มีวงเงิน หมุนเวียนมากสุดที่ 20,728 ล้านบาท ก้าวกระโดดจากการพนันประเภทอื่น ๆ ที่ตามมาอย่างเช่น หวยใต้ดิน (9,013 ล้านบาท) ไพ่พนัน (6,536 ล้านบาท) พนันทายผลฟุตบอล (5,194 ล้านบาท) และสลากกินแบ่งรัฐบาล (4,676 ล้านบาท) ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนรุ่นใหม่ใช้เงินเล่นสลอตแมชชีนค่อนข้างสูงเฉลี่ยเดือนละ 1,529 บาท มีบางคนใช้เงินเล่นมากถึงเดือนละ 30,000 บาท เลยทีเดียวนอกจากนี้ รูเล็ต ก็เป็นการพนันที่ใช้เงินเฉลี่ยต่อเดือนสูง คือ 1,810 บาท สูงสุดที่พบใช้เงินมากถึง 50,000 บาทต่อเดือน แต่ด้วยมีจํานวนผู้เล่นไม่มาก วงเงินหมุนเวียนจึงยังไม่สูง โดยจัดอยู่ในลําดับที่ 7 เมื่อเทียบกับการพนันประเภทอื่น ๆ

ข้อสังเกตคือ ทั้งสลอตแมชชีนและรูเล็ต เป็นการพนันที่มีลักษณะเป็นเกมสั้น ๆ รู้ผลไวเล่นต่อได้ทันที วงจรการกระตุ้นให้เล่นซ้ำทั้งจากการได้รางวัลหลังชนะพนันหรือจากความรู้สึกอยากกลับไปแก้มือเมื่อเสียพนันจึงยิ่งมีความเข้มข้น ต่างจากการพนันประเภทอื่นที่วงจรการเล่นอาจกินเวลานานหลายนาที หลายชั่วโมง หรือหลายวันยิ่งไปกว่านั้น การพนันเหล่านี้เมื่ออยู่ในโลกออนไลน์ เป็นเพียงโปรแกรมเกมพนันที่ถูกเขียนขึ้น ตกแต่งด้วยสีฉูดฉาด มีธีมหลากหลายตอบสนองความต้องการ วางกลยุทธ์คำนวนผลได้-เสีย หลอกล่อให้คนเล่นติดลม ใช้เวลากับมันยาวนาน จึงยิ่งทําให้จํานวนเงินที่เล่นมากตามไปด้วย อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการทําให้เกิดการเสพติดพนันตามมา

คนรุ่นใหม่ 1 ล้านคน ได้รับผลกระทบจากพนันออนไลน์ หนี้สินจากการเล่นพนันกว่า 770 ล้านบาท

“การเล่นพนันออนไลน์" ไม่ใช่กิจกรรมฆ่าเวลาหรืองานอดิเรกทั่วไป หากแต่เป็น กิจกรรมที่มีความเสี่ยง คนรุ่นใหม่เองตระหนักถึงผลกระทบทางลบที่อาจตามมา จากครั้งแรก ๆ ที่ลองเล่น ก็คิดว่าสามารถควบคุมตัวเองได้ เล่นขํา ๆ เล่นฆ่าเวลา เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ (Recreational gambling) หรือเล่นเพื่อเข้าสังคม เอาไว้คุยสนุกกับกลุ่ม เพื่อน (Social gambling) แต่นานวันเข้า ที่คิดว่าควบคุมได้ มารู้ตัวอีกที หลายอย่าง มันก็เกินจะควบคุมแล้ว (Compulsive gambling) ผลกระทบจากการเล่นพนัน จึงทยอยแสดงตัวออกมา

1 ใน 3 ของคนรุ่นใหม่ที่เล่นพนันออนไลน์ ในรอบปีที่ผ่านมา หรือประมาณ 1.004 ล้านคน ระบุว่าตนเองได้รับผลกระทบจากการ เล่นพนัน ที่พบมากที่สุดคือ ขาดเงินใช้จ่าย ในชีวิตประจําวัน ตามมาด้วยปัญหาความ เครียด เสียสุขภาพจิต เสียเวลาทํางานหรือ การเรียน สุขภาพร่างกายเสื่อมโทรม มีปากเสียงทะเลาะกับคนในครอบครัว โดยเป็นไปได้ที่คนคนหนึ่งอาจได้รับผลกระทบ ข้างต้นมากกว่า 1 ข้อ

หากจําแนกตามช่วงอายุ ประมาณการ ได้ว่า เด็กอายุ 15-18 ปี 0.159 ล้านคน ได้รับ ผลกระทบจากการเล่นพนันออนไลน์ ในจํานวนนี้เป็นเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิงเกือบ 3 เท่าตัว ส่วนเยาวชนอายุ 19-25 ปี ได้รับผลกระทบ 0.845 ล้านคน เป็นเยาวชนชายมากกว่าเยาวชนหญิงถึงเกือบ 2 เท่า สอดคล้องกับการคาดคะเนข้างต้น ว่าการพนันที่คนรุ่นใหม่เพศชายนิยมเล่นเป็นการ พนันที่เสี่ยงจะก่อให้เกิดผลกระทบสูง

นอกจากนี้ ยังประมาณได้ว่า คนรุ่นใหม่ 82,128 คน มีหนี้สินที่เกิดจากการเล่นพนัน เฉลี่ยคนละ 9,833 บาท แยกเป็นเต็ก 21,000 คน มีหนี้พนันเฉลี่ยคนละ 4,488 บาท ขณะ ทีเยาวชน 61,128 คน มีหนี้พนันเฉลี่ย คนละ 11,567 บาท สูงสุดที่พบในทั้งสอง กลุ่ม มีหนี้พนันมากถึง 200,000 บาทเลย ทีเดียว ประมาณการมูลค่าหนี้พนันในรอบ ปี 2566 จากการเล่นพนันของคนรุ่นใหม่ คือ 772.804 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้พนัน ของกลุ่มเด็ก 86.389 ล้านบาท และกลุ่ม เยาวชนอีก 686.415 ล้านบาท

เมื่อมีหนี้พนันก็ต้องหาเงินมาใช้หนี้ แต่เรื่องที่เรียบง่ายเช่นนี้ กลับไม่เรียบง่ายอย่างที่ คิดหากมาอยู่ในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งส่วนใหญ่ยังอยู่ในวัยเรียน ไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง เมื่อถามคนที่มีหนี้พนันว่าจะหยุดเล่นพนันหรือไม่ ร้อยละ 90.9 ตอบว่าไม่หยุดจึงเป็นไปได้ว่า พวกเขาต้องการเล่นพนันต่อไปโดยหวังว่าจะน่าเงินที่ได้มาใช้หนี้ หรือบางคนอาจจะยังไม่ตระหนักว่า ตนไม่สามารถแก้ปัญหาหนี้สินได้ด้วยวิธีการเดียวกันกับ ที่ใช้ก่อหนี้เหล่านั้นขึ้นมา

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: