สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ข้อมูลว่าอาการปวดประจำเดือน (Dysmenorrhea) เป็นกลไกหนึ่งของร่างกาย เกิดจากสารที่ชื่อว่า โพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) ทำให้กล้ามเนื้อมดลูกบีบตัวและหดเกร็งจนทำให้มีอาการปวดท้องและอาจลามไปที่เอวด้านหลัง ซึ่งอาการปวดประจำเดือน มักมีอาการปวดท้องก่อนมีประจำเดือน 1-2 วัน และระหว่างมีประจำเดือนในช่วงวันแรก ๆ โดยความรุนแรงของอาการปวดจะแตกต่างกันในแต่ละคน บางคนมีอาการปวดรุนแรงมากจนกระทบกับการดำรงชีวิต โดยแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุของอาการปวด ในบทความนี้จะมาแนะนำวิธีการดูแลตัวเองสำหรับคนที่มีอาการปวดประจำเดือน ซึ่งสามารถปฏิบัติตามง่าย ๆ ดังนี้
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน
- เลิกสูบบุหรี่ และเลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ประคบร้อนบริเวณที่ปวด
- ดื่มน้ำขิงอุ่น ๆ
- บรรเทาอาการปวดด้วยการกินยา
โดยยาที่ใช้ในการบรรเทาอาการปวดประจำเดือน ได้แก่
- ยาพาราเซตามอล (Paracetamol)
เหมาะกับอาการปวดที่ไม่รุนแรง ผู้ที่เป็นโรคตับ/ไต ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา
- ยากลุ่ม NSAIDs เช่น ไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) หรือเมเฟนามิคแอซิด ( Mefenamic Acid)
เหมาะกับอาการปวดระดับปานกลางถึงรุนแรง ควรกินหลังอาหารทันที ไม่ควรกินตอนท้องว่างและไม่ใช้กับผู้ที่มีภาวะเลือดออก หรือมีโรคประจำตัว เช่น หอบหืด โรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร
- ยากลุ่มฮอร์โมนคุมกำเนิด การใช้ฮอร์โมนเป็นการรักษาเฉพาะบุคคลจึงต้องใช้ในความดูแลของแพทย์
การใช้ยาควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนใช้
ข้อมูลอ้างอิง
วิธีแก้ปวดประจำเดือนด้วยยา และน้ำอุ่น
ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) บรรเทาอาการปวดประจำเดือน
ยาแก้ปวดประจำเดือน...ใช้อย่างไร
ปวดท้องประจำเดือน ควรทนหรือทานยา
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ