เศรษฐกิจนอกระบบไทยพุ่งแตะ 50% GDP นักเศรษฐศาสตร์ชี้เปิด 'คาสิโนถูกกฎหมาย' ต้องคุมเข้ม

กองบรรณาธิการ TCIJ 19 พ.ย. 2567 | อ่านแล้ว 14 ครั้ง


คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยมูลค่าเศรษฐกิจนอกระบบและนอกกฎหมายของไทยสูงถึง 50% ของ GDP ติดอันดับต้นๆ ของโลก พร้อมเสนอ 3 ยุทธศาสตร์จัดการเศรษฐกิจนอกระบบ ระบุการเปิด Entertainment Complex พร้อมคาสิโนถูกกฎหมายอาจสร้างรายได้ภาษี 3-4 หมื่นล้านบาท แต่ต้องมีมาตรการเข้มงวดป้องกันผลกระทบทางสังคม | ที่มาภาพ: Linda72/Pixabay

17 พ.ย. 2567 รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ประเทศไทยมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจจำนวนมากที่ไม่อยู่ภายใต้ระบบตลาดที่เป็นทางการ จึงทำให้รายได้และกิจกรรมทางเศรษฐกิจเหล่านี้ไม่ได้นับรวมอยู่ในระบรายได้ประชาชาติ กิจกรรมทางเศรษฐกิจเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่นอกจีดีพี ไม่ได้เอามาคำนวณในจีดีพี จีดีพีจึงมีความคลาดเคลื่อนอยู่ไม่น้อย ทำให้การวางแผนทางเศรษฐกิจไม่เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด นอกจากนี้องค์การแรงงานระหว่างประเทศยังพบว่า ไทยยังมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ไม่อยู่ภายใต้ระบบความคุ้มครองสภาพการทำงาน เป็นแรงงานนอกระบบที่ขาดหลักประกันในชีวิตและการคุ้มครองทางสังคม แรงงานเหล่านี้จะอยู่นอกระบบประกันสังคม นอกจากนี้ สังคมไทยยังมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจหรือกิจกรรมทางสังคมที่ไม่อยู่ภายใต้การอนุญาตของกฎหมาย เป็นเศรษฐกิจนอกกฎหมายจำนวนมากและในระยะหลัง กลุ่มจีนเทาได้เข้ามาประกอบธุรกิจสีดำ ธุรกิจสีเทา ขยายกิจกรรมนอกกฎหมายหรือผิดกฎหมายในไทย เช่น ค้ายาเสพติด ค้าของเถื่อน ค้าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ค้าทาสแรงงาน ค้าบริการทางเพศและเปิดบ่อนการพนัน เป็นต้น

มูลค่าเศรษฐกิจนอกระบบและนอกกฎหมายของไทยสูงถึง 50% ของ GDP

เราสามารถจำแนกรายได้จากการประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ออกได้เป็น 4 ประเภท ประเภทที่หนึ่ง คือ รายได้ที่อยู่ในตลาดอย่างเปิดเผยและได้มาอย่างถูกกฎหมาย ตรงนี้คือ รายได้จากเศรษฐกิจในระบบและเป็นไปตามกฎหมาย ประเภทที่สอง คือ รายได้ที่อยู่ในตลาดอย่างเปิดเผยและถูกกฏหมายแต่ไม่ได้ถูกบันทึกหรือรายงานเอาไว้ เช่น กิจการที่มีขนาดเล็กมากๆ ร้านหาบแร่แผงลอย หรือ การทำกิจการเล็กๆน้อยๆในครัวเรือน เป็นต้น ประเภทที่สาม รายได้ที่ไม่อยู่ในรูปของตัวเงิน เป็นการแลกเปลี่ยนสิ่งของหรือแรงงานกันในระดับชุมชน ประเภทที่สี่ คือ รายได้ที่ได้มาจากเศรษฐกิจนอกระบบทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย เช่น การพนัน ค้าประเวณี และ ยาเสพติด นอกจากนี้ยังมีกิจการหรือธุรกิจที่ผิดกฎหมายแต่เป็นผลมาจากการไม่ได้รับความสะดวกจากระบบโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่หรือไม่ได้รับความสะดวกตามกลไกของรัฐ เช่น รถรับจ้างเถื่อน รถโดยสารประจำทางเถื่อน เป็นต้น เศรษฐกิจนอกกฎหมายมักใช้ “เงินสด” มูลค่าเศรษฐกิจนอกระบบรวมทั้งนอกกฎหมายของไทยมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 50% ของจีดีพี เป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ใหญ่มากและติดลำดับต้นๆ ของโลก อย่างไรก็ตาม งานวิจัยส่วนใหญ่ที่ทำการศึกษามูลค่าเศรษฐกิจของเศรษฐกิจนอกระบบทำกันในช่วงทศวรรษ 2550 จึงจำเป็นต้องมีการประเมินมูลค่าเศรษฐกิจนอกระบบกันใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ล่าสุด ซึ่งคาดว่ามูลค่ายังคงเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในสถานการณ์ที่กลุ่มทุนจีนเทาได้เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยอย่างเป็นล่ำเป็นสัน

ขณะที่ งานวิจัยของผาสุก พงษ์ไพจิตรและคณะในปี พ.ศ. 2543 ได้ศึกษากิจกรรมเศรษฐกิจนอกระบบ 6 กิจกรรมประกอบไปด้วย การค้ายาเสพติด การค้าอาวุธสงคราม การค้าน้ำมันเถื่อน การค้าประเวณี การค้าแรงงานข้ามชาติและการพนัน มีสัดส่วนประมาณ 13% ของจีดีพี เศรษฐกิจนอกระบบและนอกกฎหมายมักมีขนาดใหญ่และขยายตัวในประเทศกำลังพัฒนามากกว่าในประเทศพัฒนาแล้ว ส่วนหนึ่งเพราะประเทศเหล่านี้มักมีการบังคับใช้กฎหมายอ่อนแอ มีการทุจริตคอร์รัปชันสูง มีติดสินบนเจ้าหน้าที่ของรัฐมาก เจ้าของบ่อนการพนันผิดกฎหมายบางส่วนสะสมทุนจากธุรกิจพนันและผันตัวเข้าสู่การเป็นนักการเมืองหรือเข้ามามีบทบาททางการเมือง พวกเขาเหล่านี้รวมทั้งเจ้าหน้าที่บางส่วนที่ได้ประโยชน์จากสินบนมักจะต่อต้านนโยบายการเปิดบ่อนถูกกฎหมายเนื่องจากสูญเสียผลประโยชน์

ขอเสนอยุทธศาสตร์การบริหารจัดการเศรษฐกิจนอกระบบที่ต้องมีเป้าหมายให้การมีการบริหารจัดการเศรษฐกิจนอกระบบอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้ประกอบการในเศรษฐกิจนอกระบบที่มีอุปสงค์และเป็นสิ่งที่สังคมต้องการเข้าสู่ระบบ จะได้มีการเก็บภาษีจากกิจกรรมเหล่านี้ กำกับดูแลเพื่อให้กิจกรรมเกิดประโยชน์ต่อสังคม โดยควบคุมผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจและสังคม ส่งเสริมให้เกิดผลทางด้านบวกต่อเศรษฐกิจและสังคม โดยยุทธศาสตร์ควรมี 3 ด้านสำคัญดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่หนึ่ง ยุทธศาสตร์เสริมและพัฒนาเศรษฐกิจนอกระบบให้เป็นฐานสนับสนุนเศรษฐกิจไทย เพื่อสร้างรายได้ภาษีกับรัฐบาล สร้างรายได้ให้กับผู้เกี่ยวข้องและประชาชน สร้างอาชีพและตำแหน่งงาน ยุทธศาสตร์ที่สอง ยุทธศาสตร์บริหารความเสี่ยง เกิดการคุ้มครองทางสังคมและดูแลคุณภาพชีวิตผู้ที่อยู่ในเศรษฐกิจนอกระบบ และสร้างการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย ยุทธศาสตร์ที่สาม ยุทธศาสตร์บริหารจัดการเศรษฐกิจนอกระบบเพื่อลดผลกระทบทางสังคม ปราบปราบธุรกิจผิดกฎหมายและป้องกันภัยต่อความสงบเรียบร้อยทางสังคม

เปิด 'คาสิโนถูกกฎหมาย' ต้องคุมเข้ม

รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าวในช่วงท้ายถึง การเปิดให้มีการพนันถูกกฎหมายอาจเป็นนโยบายที่ดีและเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการเศรษฐกิจนอกระบบเศรษฐกิจนอกกฎหมายเท่านี้ จะเป็นประโยชน์ก็ต่อเมื่อสามารถดูแลให้การดำเนินการต่างๆต้องป้องกันผลกระทบระยะยาวต่อสังคมให้ได้มากที่สุด การมี Entertainment Complex จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่วนหากจะมี “คาสิโน” ใน Entertainment Complex ก็เป็นเอาเศรษฐกิจใต้ดินมาอยู่บนดิน สามารถเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมได้ และลดการทุจริตคอร์รัปชันติดสินบนเจ้าหน้าที่ของรัฐให้มีการเปิดบ่อนพนันผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม การมี “คาสิโน” ใน Entertainment Complex ต้องระมัดระวังปัญหาทางสังคมและต้องกำกับดูแลให้ดี หลายปัญหาที่อาจตามมาต้องเตรียมรับมือด้วย เช่น หนี้ครัวเรือนอาจเพิ่มขึ้น ปัญหาครอบครัวเพิ่มขึ้น ปัญหาอาชญากรรมเพิ่มขึ้น เป็นต้น หากกำกับควบคุมปัญหาผลกระทบข้างเคียงจาก “คาสิโน” เหล่านี้ได้ การทำให้การพนันถูกกฎหมายเป็นสิ่งที่สังคมจะได้มากกว่าเสียและเป็นแนวนโยบายที่เหมาะสม

หากสำรวจดูรายได้ Entertainment Complex ที่มี “คาสิโน” ในหลายประเทศ พบว่า มาเก๊า มีรายได้เฉพาะการเล่นเกม 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สหรัฐอเมริกา (ลาสเวกัส) 30,000 ล้านดอลลาร์ สิงคโปร์ 12,000 ล้านดอลลาร์ เกาหลีใต้ 9,000 ล้านดอลลาร์ ฟิลิปปินส์ 6,000 ล้านดอลลาร์ กรณีสิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศที่ไม่มีแหล่งท่องเที่ยวอะไรมาก ก็อาศัยการหารายได้จากสถานบันเทิงครบวงจรที่มีรายได้จากธุรกิจเป็น 4% ของ จีดีพีประเทศ นักท่องเที่ยว 30% ได้ไปเยี่ยมชมสถานบันเทิงครบวงจร ส่วน ไทย นั้น เรามีแหล่งท่องเที่ยวมากมายหลากหลาย จำเป็นต้องสร้าง Entertainment Complex หรือไม่เพื่อดึงดูดการท่องเที่ยวหรือไม่ อย่างไร ก็ต้องไปพิจารณาให้ดี ส่วนอัตราภาษีคาสิโน ไทยควรจะเก็บอยู่ในช่วง 15-30% (สิงคโปร์เก็บอยู่ 17% มาเก๊าเก็บอยู่ 35%) หากมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้บริการประมาณ 30-50% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเฉลี่ยที่ 39 ล้านคนในอนาคต จะทำให้รัฐบาลมีรายได้อยู่ที่ 3-4 หมื่นล้านบาท รายได้ผู้ประกอบการอยู่ที่ประมาณ 5-8 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การเปิดให้มี “คาสิโน” ถูกกฎหมายต้องระมัดระวังไม่ให้เป็นแหล่งในการฟอกเงินหรือเป็นแหล่งของการกระทำผิดกฎหมายและศีลธรรม เป็นหน้าที่ของ “รัฐ” และ “สังคม” ต้องช่วยกันกำกับดูแลตรงนี้ให้ดี การกำหนดเนื้อหาต่างๆในกฎหมาย Entertainment Complex ต้องสร้างสมดุลระหว่างประโยชน์ทางเศรษฐกิจและผลกระทบทางด้านสังคม กลไกการกำกับดูแลจะต้องชัดเจน โปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนและประชาชน ป้องกันการทุจริต จำนวน ขนาดและที่ตั้งพื้นที่ของโครงการต้องพิจารณาดูความเหมาะสมให้ครบทุกมิติ ต้องสอดคล้องกับอุปสงค์ของตลาดเพื่อให้เกิดการลงทุนที่เหมาะสม อัตราภาษีคาสิโนควรเก็บแพงหน่อย เกณฑ์การเข้าใช้บริการ คาสิโน ของคนไทย ต้องเข้มงวด ต้องกำหนดรายได้ขั้นต่ำและอายุของผู้เข้าเล่น กลไกการนำรายได้จากกิจการ “คาสิโน” ไปใช้ประโยชน์ ต้องมีประสิทธิภาพ โปร่งใสและตรวจสอบได้

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: