ชู 'โกโก้' เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ยกเลิก 'เกณฑ์รับซื้อเมล็ดกาแฟในประเทศ'

กองบรรณาธิการ TCIJ 22 พ.ย. 2567 | อ่านแล้ว 5854 ครั้ง

ชู 'โกโก้' เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ยกเลิก 'เกณฑ์รับซื้อเมล็ดกาแฟในประเทศ'

ก.เกษตรฯ ปรับนโยบายครั้งสำคัญ ผลักดัน 'โกโก้' ขึ้นแท่นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ พร้อมยกเลิกเกณฑ์บังคับรับซื้อเมล็ดกาแฟในประเทศ หลังพบผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ พร้อมวางแผนศึกษาการนำเข้าเมล็ดกาแฟดิบระยะยาว 3 ปี รองรับความต้องการในประเทศ

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานว่านางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2567 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงคำสั่งคณะอนุกรรมการพืชสวนเพิ่มเติม โดยเพิ่มโกโก้อีก 1 รายการ จากเดิมที่คณะอนุกรรมการพืชสวนกำกับดูแล 5 รายการ ได้แก่ เมล็ดกาแฟ, กาแฟสำเร็จรูป, ชา, พริกไทย และลำไย

"เนื่องจากโกโก้เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ และมีศักยภาพในการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ขณะที่ยังไม่มีคณะกรรมการที่รับผิดชอบดูแลกำกับโดยตรง จึงเห็นชอบให้เพิ่มรายชื่อพืชโกโก้เพิ่มเติม เพื่อให้สามารถพิจารณาแต่งตั้งคณะทำงานที่รับผิดชอบดูแล โดยเฉพาะเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และส่งเสริมการพัฒนาให้พืชโกโก้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป" นางนฤมล กล่าว

นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้มีการปรับปรุงองค์ประกอบคณะอนุกรรมการพืชสวน โดยเพิ่มผู้แทนองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) และปรับปรุงอำนาจหน้าที่ให้มีความชัดเจน เพื่อให้การดำเนินงานในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาพืชสวนและผลิตภัณฑ์พืชสวน เป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพก่อนเสนอ รมว.เกษตรฯ พิจารณาลงนามต่อไป

นางนฤมล กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ยังได้รับทราบข้อเสนอของคณะอนุกรรมการพืชสวน เรื่องการยกเลิกหลักเกณฑ์การรับซื้อเมล็ดกาแฟในประเทศ เนื่องจากปัจจุบัน ผลผลิตกาแฟในประเทศมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ การคงไว้ซึ่งหลักเกณฑ์ข้อกำหนด 1:1 ที่กำหนดให้ผู้ประกอบการต้องรับซื้อผลผลิตกาแฟภายในประเทศ ในปริมาณเท่ากับกาแฟนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อการขออนุญาตส่งออกตามระเบียบที่กำหนดในปี 2566 อาจไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และอาจก่อให้เกิดข้อจำกัดในการส่งออกและการแข่งขันในตลาดโลก

โดยมอบหมายให้คณะอนุกรรมการพืชสวน ไปดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ให้พิจารณาแผนการนำเข้าเมล็ดกาแฟดิบในระยะยาว (3 ปี) ให้สอดคล้องกับความต้องการในประเทศ รวมทั้งศึกษาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเกษตรกร

"ได้มอบให้คณะอนุกรรมการพืชสวน รับข้อสังเกตของที่ประชุมไปพิจารณาด้วยความรอบคอบ และคำนึงถึงผลกระทบต่อเกษตรกรเป็นสำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับประเด็นการขอขยายปริมาณการเปิดตลาดนำเข้าเมล็ดกาแฟดิบในโควตาเพิ่มเติม ปริมาณ 200 ตัน ภายใต้ WTO ปี 2567" นางนฤมล กล่าว

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินงานตามมติที่ประชุมฯ เมื่อวันที่ 28 ส.ค.67 ได้แก่

1. ความคืบหน้าการเปิดตลาดสินค้าเกษตรตามกรอบความตกลง WTO ปี 2568-2569 สำหรับสินค้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ หอมหัวใหญ่ (ชนิดแห้งเป็นผง และแห้งไม่เป็นผง) หัวพันธุ์มันฝรั่ง และมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป ขณะนี้ อยู่ระหว่างมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายฯ ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม เสนอต่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อบรรจุเป็นวาระในการประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป

2. ความคืบหน้าระเบียบคณะกรรมการนโยบายฯ และคำสั่งคณะกรรมการนโยบายฯ โดย รมว.เกษตรฯ ได้ลงนามเมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2567 เรียบร้อยแล้วจำนวน 3 ฉบับ ประกอบด้วย 1) ระเบียบคณะกรรมการนโยบายฯ ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนเกษตรกรเกี่ยวกับการประกอบกิจการในด้านการเกษตร พ.ศ. 2567 2) คำสั่งคณะกรรมการนโยบายฯ ที่ 1/2567 เรื่อง ปรับปรุงองค์ประกอบ และหน้าที่และอำนาจคณะอนุกรรมการจัดการการผลิตและการตลาดกระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง และ 3) คำสั่งคณะกรรมการนโยบายฯ ที่ 2/2567 เรื่อง ปรับปรุงองค์ประกอบคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ด้านการเกษตร

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: