งานวิจัยของ Land Watch และ EEC Watch พบชาวสวนทุเรียนไทยในภาคตะวันออกกำลังเผชิญกับการรุกคืบของทุนจีน จากเดิมที่เป็นเพียงพ่อค้าคนกลางรับซื้อทุเรียนเพื่อส่งออกไปจีน บัดนี้ กลุ่มทุนจีนได้ก้าวเข้ามาเป็นเจ้าของสวนทุเรียนเสียเอง
จากรายงานของ Land Watch และ EEC Watch เรื่อง "การรุกคืบที่ดินข้ามพรมแดนโดยนักลงทุนชาวจีน: กรณีศึกษาเรื่องทุเรียนในภาคตะวันออกของประเทศไทย จังหวัดจันทบุรี ระยอง และตราด" (Cross-border land occupation by Chinese investors: Case study of Durian in the Eastern region of Thailand, Chanthaburi, Rayong, and Trat provinces) พบว่าชาวสวนทุเรียนไทยในภาคตะวันออกกำลังเผชิญกับการรุกคืบของทุนจีน จากเดิมที่เป็นเพียงพ่อค้าคนกลางรับซื้อทุเรียนเพื่อส่งออกไปจีน บัดนี้ กลุ่มทุนจีนได้ก้าวเข้ามาเป็นเจ้าของสวนทุเรียนเสียเอง ผ่านวิธีการต่าง ๆ เช่น ซื้อขายผ่านนอมินี แต่งงานกับหญิงไทยเพื่อถือครองที่ดิน หรือแปลงสัญชาติเป็นไทย
การเติบโตของตลาดทุเรียนจีนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ดึงดูดให้ชาวจีนเข้ามาลงทุนในธุรกิจทุเรียนไทยอย่างมหาศาล ทั้งการตั้งล้งรับซื้อทุเรียน หรือ “โรงคัดบรรจุผลไม้” (ล้ง) และการซื้อที่ดินเพื่อปลูกทุเรียนเอง โดยเฉพาะในจังหวัดจันทบุรี ระยอง และตราด ซึ่งเป็นแหล่งปลูกทุเรียนหลักของไทย
ข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตร ณ วันที่ 28 พ.ค. 2567 ระบุว่ามีล้งที่ส่งออกทุเรียนไปจีนทั่วประเทศ 2,122 แห่ง เพิ่มขึ้น 1,206 แห่ง หรือ 56.83% จากปี 2562 ในจำนวนนี้ 988 แห่งอยู่ใน 3 จังหวัดภาคตะวันออก และ 909 แห่งอยู่ในจันทบุรี แม้ผู้ประกอบการล้งจะเป็นคนไทยหรือบริษัทไทย แต่ผู้รู้ในวงการทราบดีว่ากว่า 90% เป็นของนายทุนจีน
ผู้ประกอบการล้งไทยรายหนึ่งให้ข้อมูลว่าล้งจีนมีเงินทุนมหาศาล และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนอย่างเต็มที่ ต่างจากล้งไทยที่ไม่ได้รับการส่งเสริมเท่าที่ควร ทำให้แข่งขันได้ยาก
นอกจากนี้ กลุ่มทุนจีนยังได้เข้าซื้อสวนทุเรียนในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ป่าสงวน ที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์ราคาถูก และพื้นที่ใกล้แหล่งน้ำ เช่น อ่างเก็บน้ำ คลองส่งน้ำหลัก
วิธีการเข้าครอบครองที่ดิน มีทั้งการซื้อขายผ่านนอมินี โดยอาศัยผู้นำชุมชนเป็นนายหน้า แลกกับส่วนแบ่งค่าตอบแทน และการซื้อที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์โดยให้ภรรยาหรือญาติคนไทยถือครองแทน
ผลการสำรวจพบสวนทุเรียนของนายทุนจีนในหลายอำเภอ ของทั้ง 3 จังหวัด เช่น แก่งหางแมว เขาคิชฌกูฏ มะขาม และนายายอาม ในจันทบุรี เขาชะเมา แกลง และวังจันทร์ ในระยอง และบ่อไร่ เขาสมิง ในตราด สวนทุเรียนเหล่านี้มักมีรั้วรอบขอบชิด ติดป้ายภาษาจีนและสัญลักษณ์ใช้เทคโนโลยีทันสมัย เช่น โดรนพ่นยา ระบบน้ำหยด และไม่มีบ้านพักคนงาน
นายทุนจีนพยายามควบคุมกลไกตลาดทุเรียนทุกขั้นตอน ตั้งแต่ต้นน้ำ (ผู้ผลิต) กลางน้ำ (ล้งรับซื้อ) และปลายน้ำ (ตลาดจีน) ทำให้เกษตรกรไทยตกอยู่ในฐานะผู้รับราคา
สถานการณ์เช่นนี้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารของไทยและอาจนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ในอนาคต
รายงานฉบับนี้เสนอแนะให้รัฐบาลไทยเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเกษตรกรไทยและป้องกันการผูกขาดตลาดทุเรียนโดยนายทุนจีน
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ