รายงานพิเศษจาก Humanity Research Consultancy เรื่องราวเส้นทางการผจญภัยของชายอเมริกันเชื้อสายกัมพูชาคนหนึ่ง จากการหนีครอบครัวในอเมริกา สู่การเป็นส่วนหนึ่งในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระหว่างประเทศ บันทึกประสบการณ์ตรง 7 ครั้งในรอบ 3 ปี กับธุรกิจหลอกลวงออนไลน์ที่มีทั้งการข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย และการซื้อขายสัญญาแรงงาน เผยให้เห็นด้านมืดของอาชญากรรมไซเบอร์ในกัมพูชาที่กำลังระบาดหนักในภูมิภาค | ที่มาภาพ: Humanity Research Consultancy
สวัสดีครับ ผมชื่ออเล็กซ์ (Alex) ซึ่งเป็นนามแฝง ผมเป็นคนอเมริกันเชื้อสายกัมพูชา เกิดที่เมืองเวสต์ฟิลด์ รัฐแมสซาชูเซตส์ เมื่อปี 1985 ผมเรียนจบหลักสูตรช่างกลึง CNC หนึ่งปี และอาศัยอยู่กับครอบครัวใหญ่ที่มีทั้งแม่ ป้า ลุง และลูกพี่ลูกน้องหลายคน ชีวิตผมเปลี่ยนไปในปี 2021 ตอนนั้นผมเดินทางมากัมพูชาเพื่อจะหย่ากับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ผมวางแผนจะสปอนเซอร์เธอให้ไปอยู่อเมริกา แต่พอมาถึงกัมพูชา ผมกลับรู้สึกว่าไม่อยากกลับไปอเมริกาอีก ส่วนหนึ่งเพราะผมไม่ชอบครอบครัวของตัวเอง ผมจึงตัดสินใจทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง แค่จัดกระเป๋าใบเดียวแล้วหนีมาเงียบ ๆ โดยไม่บอกใคร จากนั้นก็เปลี่ยนตั๋วเครื่องบินขากลับ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการหาที่พักและงานทำในกัมพูชา นี่คือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยที่จะเปลี่ยนชีวิตผมไปตลอดกาล
งานที่ 1 หลอกลวงแรกในเสียมเรียบ
ผมค้นหางานจนในที่สุดก็พบงานที่จ่ายเงินดีทางออนไลน์ เป็นงานบริการลูกค้า มีพวกเราสามคน คือชายชาวอังกฤษ หญิงชาวฟิลิปปินส์ และผม บริษัทจัดหางานให้พวกเราพักที่เกสต์เฮาส์ริมแม่น้ำ เราได้พบกับเจ้านายชาวจีนที่ต้องการทดสอบภาษาอังกฤษของเรา หลังจากนั้นเราย้ายไปพักที่เกสต์เฮาส์แถวตลาดโอลิมปิก ตัวแทนจัดหางานอธิบายว่านี่เป็นงานหลอกลวง เป็นการตัดสินใจร่วมกันของกลุ่ม ถ้าคนอื่นโอเค ผมก็โอเค เราจึงตัดสินใจไปด้วยกัน
เมื่อไปถึง มันเป็นงานออฟฟิศ ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน มีอาหารส่งถึงออฟฟิศ งานประกอบด้วยการสร้างอวตารและเรื่องราวประวัติของตัวละครที่เราต้องแสดง เป้าหมายของเราคือผู้ชายในสิงคโปร์ เราต้องค้นหารูปภาพในอินเทอร์เน็ตเพื่อแสดงเป็นตัวละครนั้น ๆ พื้นฐานคือการสร้างมิตรภาพกับคนในสิงคโปร์ผ่านแอป Hinge เราจะผูกมิตร เล่าเรื่องเศร้าให้พวกเขาเห็นใจ (ส่วนใหญ่เป็นเรื่องคู่สมรสนอกใจ) จากนั้นทำให้พวกเขาตกหลุมรัก หลังจากนั้นเราจะส่งต่อ "ลูกค้า" ให้หัวหน้าทีม (ปกติเป็นคนจีน แต่กรณีของผม หัวหน้าทีมเป็นคนกัมพูชา)
ผมไม่อยากหลอกลวงใครเพราะผมเชื่อเรื่องกรรม ผมแค่ทำงานแบบขอไปทีเพื่อรับเงินเดือน 800 ดอลลาร์ หลังจากผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ ชายชาวอังกฤษถูกไล่ออกเพราะเรียกร้องมากเกินไปและทำงานน้อย วันหนึ่งเขาเข้ามาในออฟฟิศและขู่เจ้านายว่าจะให้ตำรวจบุกค้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาถูกไล่ออกทันที
หลังจากนั้นไม่มีลูกค้าใหม่มาเติมเงินหรือฝากเงินเลย พวกเขาให้เราเข้างานเร็วขึ้นหนึ่งชั่วโมงทุกวันแต่ก็ยังไม่มีเงินเข้าใหม่ วันหนึ่งหลังจากออกกำลังกายประจำวัน ผู้จัดการชี้หน้าผมและบอกว่าถ้าผลงานไม่ดีขึ้น ผมต้องย้ายไปบาเวต ผมตอบว่า "คิดว่าผมแคร์เหรอ?" เขาสั่งให้ผมกลับห้อง วันต่อมาผมไปทำงานตามปกติ ผู้จัดการเห็นผมและถามว่าผมมาทำอะไรที่นี่ เขาไม่อยากเห็นหน้าผม ผมจึงกลับห้อง
ผมอยู่แต่ในห้องประมาณ 2 วัน วันที่ 3 ผมหยิบกระเป๋าเดินทางและพยายามจะออกไป ยามรักษาความปลอดภัยหยุดผมไว้และบอกให้รอ ผมรอประมาณ 10 นาที แล้วก็พุ่งไปที่ประตู ผมถูกยาม 5 คนกระโจนเข้าจับ หนึ่งในนั้นต่อยหลังผม ยามหัวหน้าตะโกนว่า "อย่าตีเขา" แต่พวกเขาก็ใส่กุญแจมือผม ผมบอกว่าใครก็ตามที่ตีผม ปลดกุญแจมือแล้วออกไปสู้กันข้างนอกดีกว่า พวกเขาทั้งหมดปิดหน้าด้วยหน้ากาก ต้องบอกว่านี่เป็นช่วงปลายปี 2021 ตอนที่โควิดยังระบาดอยู่ ผมนั่งอยู่ในล็อบบี้พร้อมกุญแจมือประมาณ 10 นาที แล้วเจ้านายก็ลงมา เขาบอกว่าพวกเขาจะปล่อยผมไปอยู่แล้ว ผมนั่งรถไปกับยามหัวหน้าเพื่อหารถกลับพนมเปญ ผมอยู่ที่แรกนี้ประมาณ 3 เดือน
งานหลอกลวงที่ 2 ที่ White Sand 2, เสียมเรียบ
White Sand 2 Compound
ผมอยู่ที่พนมเปญได้ไม่กี่วันแต่ต้องการงานอย่างมาก ผมจึงตัดสินใจกลับไปเสียมเรียบอีกครั้งเพื่อทำงาน "บริการลูกค้า" ที่ White Sand 2 เมื่อไปถึงที่นั่น พวกเขาบอกว่าสัญญาเป็นเวลา 1 ปี แต่ในประกาศรับสมัครงานระบุว่า 3 เดือน ผมรู้สึกว่าไม่มีทางเลือกอื่น งานนี้ใช้หลักการเดียวกันแต่เราใช้ Facebook และ Twitter แทน ที่นี่แย่กว่าที่แรกมาก
มีข่าวลือแพร่สะพัดว่าหัวหน้าทีมชาวจีนเป็นนักโทษที่แทนที่จะติดคุกกลับมาทำงานในที่พักแห่งนี้ มีเรื่องเล่าว่าคนจีนข่มขืนคนงานหญิงชาวเขมร ผมไม่ได้เห็นกับตา แต่มันเกือบเกิดขึ้นตอนที่ผมอยู่ที่นั่น พวกเขากำลังพักผ่อนดื่มเหล้าข้างสระว่ายน้ำ จากนั้นชายจีนสองคนโอบแขนผู้หญิงคนหนึ่งและพาเธอไป ชายเขมรที่เคยถูกเนรเทศจากอเมริกาคนหนึ่งทุบขวดเบียร์และขู่พวกนั้น ทำให้เกิดความวุ่นวาย
ผมอยู่ที่นี่นานที่สุด ประมาณ 8 เดือน ชาวเขมรต้องการวันหยุดช่วงปีใหม่เขมร ผมยืนหยัดเพื่อพวกเขาโดยบอกว่ากฎสามารถยืดหยุ่นได้เพื่อให้พวกเรามีวันหยุดช่วงปีใหม่เขมรสัก 2-3 วัน เจ้านายอนุญาตให้คนเขมรหยุด แต่เพราะผมถือพาสปอร์ตอเมริกัน พวกเขาไม่ถือว่าผมเป็นคนเขมร ผมต้องอยู่ทำงาน ผมหยิบโทรศัพท์และกลับห้อง คืนนั้นเจ้านายบอกว่าผมสามารถกลับบ้านได้แต่ต้องทิ้งพาสปอร์ตไว้
เมื่อผมกลับมาและเข้าไปทำงานวันนั้น ผมพบว่าเจ้านายให้เงินพวกเขาคนละ 100 ดอลลาร์ ผมบอกลูกค้าคนหนึ่งของผมว่าผมเป็นคนหลอกลวง พวกเขาสั่งให้ผมกลับห้อง พวกเขาไม่ต้องการให้ผมทำงานที่นี่อีกต่อไป พวกเขาขายสัญญาของผมให้บริษัทอื่น ผมได้พบกับพวกเขาเพื่อพูดคุยเรื่องข้อตกลงและตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่
งานหลอกลวงที่ 3 ในเสียมเรียบ
เมื่อผมมาถึงที่ที่ 3 หลักการทำงานยังคงเหมือนเดิม แต่คราวนี้เราต้องส่งข้อความทาง WhatsApp ไปยังหมายเลขที่ได้รับมา และพยายามผูกมิตรกับเป้าหมายซึ่งเป็นพลเมืองสหรัฐอเมริกา หัวหน้าทีมชาวจีนมักจะเล่นกับไม้ช็อตไฟฟ้าอยู่เสมอ ผมอยู่ที่นั่นประมาณ 2 สัปดาห์จนกระทั่งพวกเขาขายสัญญาของผมให้กับบริษัทอื่นอีกครั้ง คือ Jin Bei 4 ซึ่งให้เงินเดือน 2,000 ดอลลาร์ แต่ผมอยู่ที่นั่นไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ พวกเขาบอกว่าผมทำงานไม่ถูกต้อง
งานหลอกลวงที่ 4 ที่ Jin Bei 4, เสียมเรียบ
Jin Bei 4 Compound
เมื่อผมมาถึง Jin Bei 4 มีชาวอเมริกันอีกคนอยู่ที่นั่น ผมถูกจัดให้อยู่ในทีมของเขา หลักการเหมือนที่ที่แล้วแต่คราวนี้เราใช้ชาวอเมริกันคนนั้นเป็นอวตาร พวกจีนมีรูปของเขาใส่เสื้อผ้าราคาแพงและขับรถหรู คราวนี้เราหลอกลวงผู้หญิง พวกเขามีรถจากเจ้านายหลายคนอยู่ที่นั่น
ที่นี่มีการลงโทษที่โหดร้ายที่สุด หัวหน้าทีมชาวไต้หวันคนหนึ่งทำยอดไม่ถึงเป้า เขาจึงถูกช็อตด้วยไม้ช็อตไฟฟ้าต่อหน้าทุกคน มีคนงานอย่างน้อย 50 คนในออฟฟิศนั้น ต่อมาผมพบว่าเขากำลังส่งข้อมูลให้ FBI เขาเป็นคนที่บอกผมว่าสถานที่นี้จะถูกตำรวจบุก และถ้าผมต้องการออกไป ควรให้ข้อมูลติดต่อกับเขาไว้
มีชายอีกคนขอกลับบ้านเพราะแม่ป่วย พวกเขาบอกว่าโอเค แต่ปรากฏว่าเขาถูกขังในห้องมืดหลายวันเพียงเพราะขอกลับบ้าน พี่สาวของเขาต้องนำอาหารมาให้ หลังจากผ่านไปไม่กี่วันพวกเขาก็ปล่อยเขาไป
อีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ตำรวจเข้ามาในห้องของผมและพาชาวอเมริกันออกไป พวกเราออกมาได้ ผมถูกกักตัวที่สถานีตำรวจเสียมเรียบสองสามวัน จากนั้นก็ถูกส่งไปที่สถานีตำรวจพนมเปญอีกสองสามวัน ผมอยู่ที่ Jin Bei 4 ประมาณ 6 เดือน
งานหลอกลวงที่ 5 ในพนมเปญ
หลังจากกลับมาอยู่พนมเปญประมาณ 1 ปี ผมพบว่าตัวเองต้องการงานอีกครั้ง ผมไปทำงาน "บริการลูกค้า" ในพนมเปญ พวกเขาบอกว่าผมจะได้ทดลองงานสองสัปดาห์แล้วทำแบบทดสอบ กระบวนการของพวกเขาแตกต่างไปเล็กน้อย พวกเขาจะได้หมายเลขโทรศัพท์จากคนที่พยายามหางานผ่านบริษัทจัดหางาน จากที่ผมทราบ พวกเขาจะโทรกลับและล่อลวงลูกค้าด้วยวิธีนี้ ผมไม่ได้อยู่นาน เพราะหลังจาก 2 สัปดาห์ พวกเขาส่งผมกลับบ้าน
งานที่ 6 นักแปลในบริษัทหลอกลวงที่เสียมเรียบ
ผมได้ติดต่อกับอีกที่หนึ่งในเสียมเรียบ ซึ่งจ้างผมเป็นนักแปล งานแปลล่าสุดนี้ได้เงินเดือน 1,200 ดอลลาร์ พวกเขาใช้ Google Translate แต่การเรียบเรียงคำไม่สมบูรณ์ ผมจึงต้องแก้ไขให้ถูกต้อง ผมไม่ทราบว่าพวกเขาใช้แพลตฟอร์มอะไร แต่เป็นเว็บไซต์ของ Wilbur Clark's investment academy พวกเขาจะดึงดูดลูกค้าให้สนใจลงทุนผ่านโฆษณา Facebook สำหรับเว็บไซต์ปลอมของพวกเขา หลังจากประมาณ 2 เดือน ผมถูกไล่ออกเพราะพวกเขาย้ายผมไปอยู่ทีมใหม่ หัวหน้าทีมใหม่ของผมไม่จ่ายเงินตรงเวลา ผมจึงโทรไปหาคนจัดหางานและร้องเรียน เช้าวันรุ่งขึ้น หัวหน้าทีมบอกให้ผมเก็บของและกลับบ้าน
งานที่ 7 (งานปัจจุบัน) ในบริษัทหลอกลวงที่บาเวต
ผมอยู่ที่พนมเปญประมาณ 1 เดือน จากนั้นได้ติดต่อกับหลานสาวของเจ้าของบ้านเช่าเพื่อหางานที่บาเวต ที่คาสิโน Dynasty ตอนนี้ผมกำลังทำงาน (ต.ค. 2024) ที่นั่นในฐานะคนหลอกลวง แต่อย่างที่ผมบอก ผมไม่ได้พยายามจะหลอกลวงใคร ผมแค่อยู่ที่นี่เพื่อทำงานแบบขอไปทีและรับเงินเดือน ขณะที่ผมเขียนเรื่องนี้ ผมอยู่ที่บาเวต ทำงานแบบเดียวกัน หลักการเหมือนเดิมแต่ใช้ Tinder และแอพหาคู่อื่น ๆ ผ่าน VPN ผมรู้สึกขอบคุณทุกคนที่เคยช่วยเหลือผมในอดีต
ที่มา:
An American's journey in Cambodia's scam industry (Humanity Research Consultancy, 8 October 2024)
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ