ออสเตรเลียเข้มเสนอร่าง กม.ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี ใช้โซเชียลมีเดีย พร้อมปรับแพลตฟอร์มฝ่าฝืนสูงสุดถึง 49 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย - 'อีลอน มัสก์' ค้าน ชี้เป็นการควบคุมเน็ต | ที่มาภาพ: Orion Quest/Pixabay
เมื่อช่วงปลายเดือน พ.ย. 2024 รัฐบาลออสเตรเลียได้เสนอร่างกฎหมายต่อรัฐสภา ที่มีเป้าหมายในการห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้สื่อสังคมออนไลน์ หรือ โซเชียลมีเดีย ซี่งหากบังคับใช้จะทำให้ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ควบคุมเข้มงวดที่สุดประเทศหนึ่ง
ออสเตรเลียมีแผนการที่จะทดลองระบบยืนยันอายุที่อาจจะใช้วิธีการยืนยันอายุด้วยไบโอเมตริก หรือ อัตลักษณ์ทางร่างกาย หรือการระบุตัวตนของรัฐบาลเพื่อใช้บังคับการกำหนดข้อจำกัดเรื่องอายุ นอกจากนั้นแล้วร่างกฎหมายนี้ยังกำหนดโทษปรับสำหรับสื่อสังคมออนไลน์ที่พยายามละเมิดกฎหมายสูงสุดถึง 49 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ ประมาณ 1,100 ล้านบาทด้วย
รัฐบาลออสเตรเลียมีนโยบายเข้มงวดเรื่องนี้เนื่องจากเห็นพิษภัยของสื่อสังคมออนไลน์ที่มีต่อเยาวชน ร่างกฎหมายนี้มีเนื้อหาคุมเข้มมากที่สุดด้วยเพราะกำหนดว่า ให้บังคับใช้โดยไม่มีข้อยกเว้นแม้ว่าผู้ปกครองจะอนุญาตให้บุตรหลานของตนใช้โซเชียลก็ตาม
หลายประเทศพยายามควบคุมการใช้โซเชียลมีเดียของเด็ก ๆ ผ่านทางการใช้กฎหมายบังคับ เมื่อปีที่แล้ว ฝรั่งเศสก็เสนอห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 15 ใช้สื่อสังคมออนไลน์ แต่ผู้ใช้งานก็สามารถเลี่ยงคำสั่งห้ามใช้งานได้หากว่าผู้ปกครองยินยอม
'อีลอน มัสก์' ไม่เห็นด้วย ชี้เป็นการใช้ช่องทางควบคุมการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นเจ้าของแพลนฟอร์มโซเชียลมีเดีย “เอ็กซ์” หรือ ทวิตเตอร์เดิม วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลออสเตรเลียที่เสนอร่างกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้สื่อสังคมออนไลน์เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา
มักส์ กล่าวว่าการกระทำของรัฐบาลออสเตรเลีย “ดูเหมือนจะเป็นการใช้ช่องทางควบคุมการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของชาวออสเตรเลียทุก ๆ คน” โดยเขาได้ส่งข้อความนี้ในโพสต์ของนายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีซี ของออสเตรเลีย ที่กำลังผลักดันร่างกฎหมายฉบับนี้ซี่งจะทำให้ออสเตรเลียเป็นประเทศที่เข้มงวดที่สุดประเทศหนึ่งเพื่อปกป้องเยาวชนที่มีความเสี่ยงสูงจากผลร้ายของสื่อออนไลน์
นอกจากนั้นร่างกฎหมายนี้ยังกำหนดโทษสำหรับสื่อสังคมออนไลน์ที่พยายามละเมิดกฎหมายโดยให้ปรับเงินสูงสุดถึง 49 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ ประมาณ 1,100 ล้านบาทด้วย ขณะนี้สังคมออสเตรเลียส่วนใหญ่ต่างสนับสนุนแนวทางนี้ในการป้องกันเยาวชน
ที่มาเรียบเรียงจากสำนักข่าวไทย [1] [2]
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ