5 เดือนอันแสนโหดร้าย: ประสบการณ์ชาวบังกลาเทศคนหนึ่ง ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กัมพูชา

กองบรรณาธิการ TCIJ 30 พ.ย. 2567 | อ่านแล้ว 3942 ครั้ง


รายงานพิเศษจาก Humanity Research Consultancy นำเสนอเรื่องราว ชีวิต 5 เดือนอันแสนโหดร้าย ของอับดุส ซาลาม (Abdus Salam) ชาวบังกลาเทศคนหนึ่งในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กัมพูชา เริ่มจากการถูกชักชวนด้วยงานในคาสิโนออนไลน์ ก่อนถูกบังคับให้หลอกลวงผู้คนผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ท้ายสุดองค์กรช่วยเหลือเหยื่อในศูนย์กักขังหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ช่วยชีวิตเขาออกมาได้

สวัสดีครับ ผมชื่อ อับดุส ซาลาม (Abdus Salam) ผมเกิดในปี 1996 และเป็นชาวบังกลาเทศธรรมดาคนหนึ่ง ผมจบปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมสิ่งทอ โดยเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการผลิตเสื้อผ้า ผมอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่สวยงามกับครอบครัวที่น่ารักของผม มีสมาชิก 7 คน ประกอบด้วยพ่อแม่ พี่ชาย พี่สะใภ้ และหลานที่น่ารัก 2 คน ในปี 2022 เหตุการณ์สำคัญที่สุดในชีวิตของผมได้เกิดขึ้น ผมจะเล่าเรื่องราวของผมให้ฟัง

เรื่องราวเริ่มต้นในช่วงปลายปี 2021 ตอนที่ผมเกือบจะจบการฝึกงานระดับปริญญาตรีและทำงานเต็มเวลาในอุตสาหกรรมสิ่งทอ ผมทั้งเรียนและทำงานไปด้วยเพราะครอบครัวไม่สามารถสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเรียนของผมได้ เงินเดือนของผมประมาณ 200 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมันยากมากที่จะอยู่รอดด้วยเงินเดือนเท่านี้ในกรุงธากา เมืองหลวงของบังกลาเทศ และยังต้องจ่ายค่าเรียนด้วย พ่อของผมเป็นแรงงานอพยพและใช้เงินเก็บทั้งหมดไปกับการรักษาพี่ชายของผมและสร้างบ้านให้พวกเรา ในครอบครัว ผมเป็นคนเดียวที่มีความสามารถและแข็งแรงพอที่จะหาเงินมาดูแลครอบครัวได้ ผมตระหนักดีว่าหลังจากเรียนจบ ผมจะต้องรับผิดชอบครอบครัวทั้งหมด

เมื่อผมเพิ่งเรียนจบและกำลังมองหางานดีๆ เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว เพื่อนสมัยเรียน (เพื่อนสนิท) คนหนึ่งได้ติดต่อมาหาผมและเสนองานที่ได้เงินดีในกัมพูชา เขาบอกว่าผมมีปริญญาตรีและทักษะดีๆ อื่นๆ เช่น การใช้คอมพิวเตอร์และพูดภาษาอังกฤษได้ ดังนั้นผมสามารถไปกัมพูชาและหาเงินดีๆ ให้ครอบครัวได้ เขาบอกว่าลุงของเขามีบริษัทจัดหางานที่ส่งคนไปทำงานต่างประเทศและกำลังส่งคนไปกัมพูชา เขาบอกว่าถ้าผมไป ผมจะได้งานเป็นผู้ปฏิบัติงานคอมพิวเตอร์ในคาสิโนออนไลน์ด้วยเงินเดือน 800-1,200 ดอลลาร์สหรัฐ (ขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำงาน) ผมได้รับแจ้งว่าพวกเขาจะให้โบนัสประจำปีและวันลาพร้อมตั๋วเครื่องบินไป-กลับเพื่อใช้เวลาพักผ่อนกับครอบครัว การจะได้งานนี้ ผมต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการจัดหางาน 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ รวมค่าวีซ่าและตั๋วเครื่องบิน ผมคิดว่านี่คือโอกาสทองที่จะหาเงินดีๆ ให้ครอบครัว ผมปรึกษากับครอบครัว พวกเขาบอกว่าแล้วแต่ผม และผมตัดสินใจไปกัมพูชาเพื่อทำงาน ผมขอเงินค่าธรรมเนียมจากพ่อ ท่านได้จำนองสระน้ำและที่นาของเราเพื่อให้เงินผม

การเดินทางจาก 'บังกลาเทศ' สู่ 'กัมพูชา'

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ผมจ่ายค่าธรรมเนียมการจัดหางาน 3,000 ดอลลาร์ และลุงของเพื่อนผม (ผู้จัดหางาน) เริ่มดำเนินการให้ผมเดินทางไปกัมพูชา ลุงของเพื่อนผมเสนอให้ผมไปด้วยวีซ่า 'ท่องเที่ยว' แต่ผมบอกว่าต้องการวีซ่าทำงาน เขาบอกว่าต้องใช้เวลาดำเนินการ 3 เดือน ดังนั้นจะดีกว่าถ้าไปด้วยวีซ่าท่องเที่ยวและหลังจากไปถึงที่นั่น บริษัทจะออกใบอนุญาตทำงานพร้อมชื่อบริษัทให้ เขาล้างสมองผมจนผมยอมไปด้วยวีซ่าท่องเที่ยว และสัญญาว่าจะจัดการทุกอย่างให้ เนื่องจากผมลาออกจากงานที่บังกลาเทศแล้ว ผมจึงรีบร้อนที่จะไปกัมพูชาเพื่อทำงาน จึงตกลง นี่คือความผิดพลาดครั้งแรกของผม

ผู้จัดหางานให้อี-วีซ่าและตั๋วเครื่องบินไป-กลับกับผม พวกเขาบอกว่าวีซ่าท่องเที่ยวต้องใช้ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2022 พวกเขาส่งผมไปสนามบินดักกาและให้คำแนะนำเฉพาะที่ต้องทำตาม เช่น ให้ไปที่ประตูและเคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมืองที่กำหนด เนื่องจากผมไม่เคยขึ้นเครื่องบินมาก่อน ผมจึงคิดว่าการทำตามคำแนะนำของพวกเขานั้นไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองธากาไม่อนุญาตให้ผมผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองและปฏิเสธผม เมื่อพวกเขาให้ผมลงจากเครื่อง เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้ทำเครื่องหมายกรณีถูกห้ามเดินทางในหนังสือเดินทางของผม ผู้จัดหางานของผมสามารถถอนกรณีถูกห้ามเดินทางนั้นจากสำนักงานแผนกพิเศษ (SB) ได้โดยความช่วยเหลือของนายหน้าอีกคน

หลังจากที่ผมถูกปฏิเสธจากการตรวจคนเข้าเมืองครั้งแรก ผู้จัดหางานฝึกให้ผมโกหกที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองและผู้จัดหางานได้ทำข้อตกลงด้วยวาจากับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ตกลงที่จะให้ผมผ่านโดยได้รับเงิน 500 ดอลลาร์ (50,000 BDT) ตามข้อตกลงนี้ ในวันที่ 31 มี.ค. 2022 ผู้จัดหางานส่งผมไปสนามบินธากาอีกครั้งและสั่งให้ผม เหมือนครั้งแรก ไปที่เคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมืองที่กำหนดและใช้รหัสคำพูด ครั้งนี้ ก่อนที่ผมจะไปที่เคาน์เตอร์ที่กำหนด เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเข้ามาหาผมและพาผมไปที่สำนักงานของเขา หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่อนุญาตให้ผมผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง

เมื่อผมขึ้นเครื่อง ผู้จัดหางานขอให้ผมถ่ายเซลฟี่ ซึ่งพวกเขาส่งให้นายหน้าชาวบังกลาเทศที่อยู่ฝั่งกัมพูชา ผมเดาว่านายหน้าคงส่งต่อเซลฟี่นั้นไปให้กลุ่มเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกัมพูชา เที่ยวบินแวะพักของผมอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์ และเช้าวันถัดมา (1 เม.ย. 2022) ผมมาถึงสนามบินนานาชาติพนมเปญ (พนมเปญ) ผมพบชายชาวบังกลาเทศอีกสองคนบนเครื่อง ต่อมาผมพบว่านายหน้าของพวกเราทั้งหมดอาจมาจากกลุ่มเดียวกัน ก่อนที่ผมจะไปที่เคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมืองที่พนมเปญ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองคนหนึ่งเข้ามาหาผมและแสดงเซลฟี่ที่ผมถ่ายบนเครื่องให้ดู ผมรู้สึกประหลาดใจ เขายังแสดงรูปของชายอีกสองคนและถามว่าพวกเขาอยู่ไหน ผมบอกเขาว่าผมเห็นพวกเขาและจะไปตามหา ภายในไม่กี่นาที ผมหาพวกเขาเจอและกลับมาหาเขา หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่นำพวกเราไปที่เคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมืองที่กำหนด และโดยไม่มีคำถามใดๆ พวกเขาอนุญาตให้เราผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองกัมพูชา

เมื่อเราออกมาจากสนามบิน กลุ่มคนบังกลาเทศมารับพวกเรา ผมเชื่อว่าพวกเขาเป็นผู้ช่วยหรือพันธมิตรของนายหน้าชาวบังกลาเทศฝั่งกัมพูชา พวกเขาพาเราไปที่ตึกหรูมาก และนายหน้าหลักสองคนแนะนำตัวว่าเป็น โชริฟ อาห์เมด และ นาซมุล ฮาซาน ซึ่งอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่เช่า ก่อนที่ผมจะไปกัมพูชา ลุงของเพื่อนผมได้แนะนำผมให้รู้จักกับโชริฟผ่านวิดีโอคอล และเมื่อผมไปถึงที่นั่น พวกเขาแนะนำตัวกับพวกเรา

ที่อพาร์ตเมนต์ พวกเขาสัมภาษณ์พวกเรา ถามคำถามพื้นฐานเป็นภาษาอังกฤษ เช่น การแนะนำตัวและทดสอบทักษะการพิมพ์ หลังจากนั้น พวกเขาพาเราไปที่คอมพาวด์ที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างดีเพื่อสัมภาษณ์งาน พวกเราเป็นกลุ่มห้าคน: ชาวบังกลาเทศสามคนและชาวอินเดียสองคน ที่คอมพาวด์ ชายชาวอินเดียคนหนึ่งมา เลือกชาวอินเดียคนหนึ่ง และปฏิเสธพวกเราที่เหลือโดยไม่มีการสัมภาษณ์

เช้าวันถัดมา โชริฟพาพวกเราไปที่สำนักงานจีน ชาวจีนคนหนึ่งแนะนำตัวว่าเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่และสัมภาษณ์พวกเราในลักษณะเดียวกับที่อพาร์ตเมนต์ของนายหน้า เขาเลือกพวกเราสี่คนสำหรับการสัมภาษณ์ ขอให้เรามอบหนังสือเดินทางให้เขา และบอกว่าเขาต้องต่อวีซ่าพร้อมชื่อบริษัทและใบอนุญาตทำงาน พวกเราคิดว่าเขาพูดถูกเพราะพวกเรามีวีซ่าแค่ 30 วันและไม่มีใบอนุญาตทำงาน เราจึงมอบหนังสือเดินทางให้เขา หลังจากนั้น ต่อหน้าพวกเรา เขามอบเงินจำนวนมากให้กับนายหน้าของเรา โชริฟ พวกเราไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น พวกเขาให้อาหารพวกเราและส่งพวกเราไปยังสถานที่ที่เรียกว่าดารา สาคอร์ ด้วยรถยนต์ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองพนมเปญ 270 กิโลเมตร หลังจากเดินทาง 9 ชั่วโมง พวกเรามาถึงที่นั่นในช่วงดึก เมื่อผมลงจากรถ ผมเห็นคาสิโนในโรงแรม Long Bay Century ที่ตกแต่งอย่างดีและมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด การเห็นคาสิโนทำให้ผมมีความสุขมากเพราะผมคิดว่าผมจะได้ทำงานที่นั่น ตามที่ได้รับสัญญาว่าจะได้งานในคาสิโน

ชีวิตในศูย์กักขัง


โรงแรม Long Bay Century

ศูนย์กักขังแรก: เมื่อพวกเรามาถึงดารา สาคอร์ที่โรงแรม Long Bay Century ชายชาวจีนสองคนมารับพวกเราและพาไปที่หอพัก หลังจากที่เราเลือกเตียงแล้ว พวกเขาสั่งให้เราไปที่สำนักงาน ผมรู้สึกเหนื่อยล้าจากการเดินทางและไม่พอใจที่ต้องไปสำนักงานทันที สำนักงานไม่ได้อยู่ในตึกเดียวกับคาสิโนที่ผมเห็นก่อนหน้านี้ ด้วยความสับสน ผมถามว่าพวกเรากำลังไปไหน โดยชี้ให้เห็นว่าคาสิโนอยู่ฝั่งตรงข้าม พวกเขาอธิบายว่าคาสิโนไม่ใช่สำนักงานของเรา สำนักงานของเราอยู่อีกด้านหนึ่ง และพวกเขานำทาง

สำนักงานของเราอยู่ชั้นสี่ เมื่อเราเข้าไป ผมได้ยินเสียงเพลงดังมาก ผมสังเกตเห็นห้องทำงานขนาดใหญ่หลายห้องที่มีคนจำนวนมากกำลังทำงานกับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือในขณะที่ฟังเพลงเสียงดัง อย่างไรก็ตาม ผมไม่เห็นพื้นที่เล่นการพนันอย่างที่เคยเห็นในภาพยนตร์ โดยไม่มีการแนะนำตัวใดๆ ชายที่มารับพวกเราจัดหาคอมพิวเตอร์ iPhone 4-5 เครื่อง และซิมการ์ด 10 อัน พวกเขาแสดงวิธีเปิดใช้งานซิมการ์ดและสั่งให้เราทำทันที แม้ว่าผมจะขอเริ่มงานในวันถัดไปเพราะความเหนื่อยล้า แต่พวกเขายืนกรานให้เริ่มทันที ดังนั้นพวกเราจึงเริ่มทำงานด้วยการเปิดใช้งานซิมการ์ด

ก่อนออกจากสำนักงาน ผมถูกจัดให้อยู่ในทีมและได้รับแจ้งตารางงาน: 17:00 น.-22:00 น. พักระหว่าง 22:00 น.-24:00 น. ตามด้วยทำงาน 24:00 น.-04:30 น. พักอีก 30 นาที แล้วทำงาน 05:00 น.-07:00 น. ในทีมของเรามีสมาชิก 10 คน รวมถึงชาวบังกลาเทศสามคน ชาวอินเดียหกคน และชาวเนปาลหนึ่งคน เราอยู่ภายใต้การจัดการของ "ครูใหญ่" ชาวไต้หวันหนึ่งคน ผู้ช่วยหัวหน้างานชาวไต้หวันหนึ่งคน และหัวหน้างานชาวจีนหนึ่งคน

วันถัดมา ครูใหญ่สอนวิธีเปิดบัญชีทวิตเตอร์และสั่งให้เราสร้าง 10 บัญชี พวกเขาแนะนำแอพจีนที่เรียกว่า 'Red Book (小红书)' ซึ่งคล้ายกับอินสตาแกรม และสั่งให้เราหาบัญชี Red Book ที่มีรูปสาวๆ จำนวนมาก สำหรับชื่อไอดี พวกเขาสั่งให้เราเลือกชื่อภาษาอังกฤษของผู้หญิงที่เป็นที่นิยมและเพิ่มนามสกุลจีน พวกเขายังบอกให้เราตั้งที่ตั้งเป็นสิงคโปร์และโตรอนโต แคนาดาในบัญชีทวิตเตอร์เหล่านั้น เมื่อผมถามครูใหญ่ว่าทำไมเราถึงสร้างบัญชีปลอม เขาแค่บอกไม่ให้ถามคำถามและให้ทำตามคำสั่งของเขา

เราใช้รูปสาวๆ ชาวจีนสำหรับบัญชีต่างๆ ครูใหญ่สอนให้เราตอบคำถามเกี่ยวกับสัญชาติโดยบอกว่าเราเป็นลูกครึ่งจีน-แคนาดา พวกเขายังสอนกลยุทธ์ต่างๆ ในการหาคนบนทวิตเตอร์ รวมถึงการใช้รหัสพิกัดและช่วงเวลาที่คนใช้โซเชียลมีเดียมากที่สุดเพื่อหาคนจากพื้นที่เฉพาะ นอกจากนี้ พวกเขายังให้บทสนทนาสำเร็จรูปเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (พวกหลอกลวงเรียกเหยื่อว่า 'ลูกค้า') ในการแชทครั้งแรก เราเก็บข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับลูกค้า โดยเฉพาะสถานะทางการเงิน แล้วย้ายการสนทนาจากทวิตเตอร์ไปยัง WhatsApp หรือ Telegram ทีมของเราเก็บข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับลูกค้าในชีท Google ครูใหญ่และหัวหน้างานของเราจะรับช่วงต่อเพื่อแชทกับลูกค้าต่อไป สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพวกเขาและค่อยๆ แนะนำให้พวกเขาลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี

หลังจากฝึกอบรมหนึ่งสัปดาห์ พวกเราถูกเรียกเข้าห้องประชุมและได้รับเป้าหมายรายวัน: เราต้องเชื่อมต่อกับลูกค้าสามคนผ่านเบอร์ WhatsApp หรือ Telegram นั่นคือเริ่มการสนทนาและเก็บข้อมูลพื้นฐานทั้งหมดเกี่ยวกับพวกเขา ครูใหญ่อธิบายเป้าหมายรายวันของเรา: 'เรามีทีม 10 คน ถ้าทุกคนหาคนได้สามคนต่อวัน รวมกันเราจะได้ 30 คนต่อวัน และในหนึ่งเดือนเราจะได้ 900 คน แม้ว่าเราจะล้มเหลว 800 ครั้งหรือมากกว่า เราก็ยังจะมีคน 100 คนให้พยายามโน้มน้าวให้ลงทุน' นี่เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก และถ้าเราทำไม่ได้ตามเป้า เราต้องทำงานเพิ่ม 30 นาทีสำหรับแต่ละลูกค้าที่หาไม่ได้ หลังจากสี่หรือห้าวัน พวกเขาเพิ่มเป้าหมายเป็นห้าคน ใช้กฎเดียวกันคือทำงานเพิ่ม 30 นาทีสำหรับแต่ละลูกค้าที่หาไม่ได้ ด้วยกฎนี้ เราพบว่าต้องทำงานล่วงเวลาทุกวันเพราะไม่สามารถทำตามเป้าหมายรายวันได้ บางครั้งเราทำได้ แต่ส่วนใหญ่เราทำไม่ได้

เมื่อถึงสัปดาห์ที่สามของชีวิตในที่กักขังนั้น ผมเริ่มติดต่อนายหน้าของผมในบังกลาเทศและกัมพูชาให้ช่วยผมออกจากบริษัท อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงขอเวลาเพิ่ม โดยสัญญาว่าจะพาผมออกจากบริษัทนั้นภายในหนึ่งสัปดาห์

ในสัปดาห์ที่สามของการทำงาน หนึ่งในลูกค้าของผม อดีตนักฟุตบอลชาวบราซิลที่ตอนนั้นทำงานเป็นนักดับเพลิง เริ่มลงทุน 100 USDT (คริปโตเคอร์เรนซีที่มีมูลค่าคงที่) จากผลงานของเราหลังสามสัปดาห์ พวกเขาเลื่อนตำแหน่งผมและเพื่อนร่วมงานชาวอินเดียให้เป็นหัวหน้าทีม ทีมละห้าคน ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หัวหน้างานเริ่มลงโทษทางร่างกาย เช่น วิดพื้น 25 ถึง 75 ครั้ง หรือยกตัวโดยใช้ข้อศอกสองข้างและนิ้วเท้าค้างไว้ 5 ถึง 15 นาที นี่เป็นเรื่องยากมาก โดยเฉพาะหลังจากทำงาน 16-17 ชั่วโมงต่อวัน

วันหนึ่ง ครูใหญ่ชาวไต้หวันเรียกพวกเราและสั่งให้เราเล็งเป้าหมายไปที่ชาวเยอรมันโดยใช้รหัสพิกัดบนทวิตเตอร์ เขาเล่าว่าหนึ่งในลูกค้าของเขาจากเยอรมนีได้ลงทุน 81,000 USDT ดังนั้นเขาเชื่อว่าเราก็สามารถหาลูกค้าที่มีศักยภาพจากเยอรมนีได้เช่นกัน เราจึงเริ่มทำตามคำสั่งเหล่านี้

อีกครั้งหนึ่ง เจ้านายชาวจีนประกาศบางอย่างผ่านลำโพงด้วยความดีใจ และชาวจีนคนอื่นๆ เริ่มตีกลองและระฆังใบใหญ่ ทุกคนปรบมือ พวกเราไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็เริ่มปรบมือตามไปด้วย ผมถามครูใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาบอกผมว่า 'หนึ่งในลูกค้าของสมาชิกทีมพวกเขาจากสหรัฐฯ เพิ่งลงทุน 240,000 ดอลลาร์' ผมชะงักไปสองสามวินาทีหลังจากได้ยินเช่นนั้น

ผมพบลูกค้าจากฟินแลนด์ที่สนใจคริปโตเคอร์เรนซีมาก เขาแสดงให้ผมดูว่าเขามีบิตคอยน์ (BTC) มากกว่า 26,000 ดอลลาร์ โดยใช้การฝึกอบรมและเอกสารที่ผมได้รับ ผมเริ่มอธิบายให้เขาฟังว่าทำไมผู้คนควรซื้อคริปโตเคอร์เรนซีและวิธีใช้งานอย่างถูกต้อง โดยพื้นฐานแล้ว ผมกำลังพยายามโน้มน้าวให้เขาลงทุนในแอพของเรา เขาเชื่อใจ แต่ผมถูกขายให้ศูนย์กักขังอื่นก่อนที่เขาจะลงทุน

เราจะอธิบายให้ลูกค้า/เหยื่อที่อาจถูกหลอกแบบนี้: "เมื่อไม่กี่ปีก่อน เราอยู่ในเครือข่าย 2G และค่อยๆ มาถึงโลก 4G และตอนนี้เราใกล้จะถึง 5G แล้ว ในอนาคตอันใกล้ จะมี 6G, 7G และอื่นๆ และผู้คนจะต้องใช้เงินดิจิทัลแทนธนบัตรดอลลาร์ในการแลกเปลี่ยนสิ่งต่างๆ และคริปโตเคอร์เรนซีจะเป็นเงินนั้น เราควรเตรียมตัวให้พร้อมและก้าวไปพร้อมกับโลกสมัยใหม่ ดังนั้นเราควรลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีตั้งแต่ตอนนี้และเดินนำหน้าคนธรรมดาไปหลายก้าว"

ผมได้เรียนรู้ว่าผู้ช่วยหัวหน้างานชาวไต้หวันของผมก็เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์เช่นกัน วันหนึ่งโทรศัพท์ของผมพัง และผู้ช่วยหัวหน้างานพยายามติดต่อผมก่อนที่ผมจะมาถึงสำนักงาน เขาถามว่าทำไมผมไม่ตอบข้อความ ผมอธิบายว่าโทรศัพท์พัง และเขาให้โทรศัพท์ผมทันที สั่งให้ผม 'ติดต่อกับเขาตลอดเวลา' เพราะ 'พวกเจ้านายกำลังวางแผนบางอย่างที่อันตราย' เมื่อผมถามถึงแผนของพวกเขา เขาตอบว่า 'ฉันบอกนายไม่ได้ แต่พวกนายควรออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด' ไม่นานหลังจากนั้น คนใหม่ๆ เริ่มมาที่สำนักงานของเราและสัมภาษณ์พวกเรา ตอนนั้นเองที่เราได้รู้ว่าเจ้านายกำลังวางแผนขายพวกเราให้บริษัทอื่น

หลังจากทำงาน 37 วัน พวกเขาก็ขายพวกเราให้บริษัทอื่นในเสียมเรียบจริงๆ ตอนที่เราจะจากไป บริษัทให้เงิน 200 ดอลลาร์ในซอง เมื่อเราถามผู้ช่วยหัวหน้างานและครูใหญ่เกี่ยวกับจำนวนเงิน แสดงความผิดหวังที่เราได้รับสัญญาว่าจะได้เงินเดือนมากกว่านี้สำหรับการทำงาน 37 วัน พวกเขาแนะนำไม่ให้เราคิดมากเรื่องเงิน แต่ให้ออกจากที่นี่เพราะมันจะเป็นประโยชน์กับเรามากกว่า ผู้ช่วยหัวหน้างานและครูใหญ่ช่วยเหลือพวกเรามากและช่วยพวกเราจากการลงโทษรุนแรงหลายครั้ง เราจึงเชื่อใจพวกเขาและตัดสินใจจากไป

ศูนย์กักขังที่ 2: เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2022 เวลาเที่ยงคืน ผู้ช่วยหัวหน้างานและเจ้านายชาวจีนพาพวกเราสิบคนจากดารา สาคอร์ไปยังเสียมเรียบ ที่นั่นพวกเขาจัดการสัมภาษณ์ในศูนย์หลอกลวงชื่อ Helory Real Estate (10.621053673223624, 103.50043298249359) เพื่อนชาวบังกลาเทศที่ผมพบบนเครื่องบินและผมถูกเลือกสำหรับการสัมภาษณ์นั้น นายหน้าที่พูดภาษาจีนซื้อพวกเรา คนที่เหลือถูกพาไปที่อื่นและค่อยๆ ขาดการติดต่อกับพวกเรา ในศูนย์กักขังนี้ ผมถูกขายให้บริษัทหลอกลวงสองแห่ง


คีย์การ์ดที่ Helory Real Estate

แรกเริ่มนั้น นายหน้าที่พูดภาษาจีนขายผมและเพื่อนให้กับบริษัทของชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน ซึ่งทุกคนยกเว้นพวกเราสองคนเป็นชาวมาเลเซีย บริษัทมีพนักงานเพียง 10 คนและดำเนินงานในห้องเล็กๆ หัวหน้างานของเราในบริษัทนั้นเริ่มมอบหมายให้เราเขียนเรื่องราวที่น่าเชื่อถือและน่าดึงดูดเพื่อแบ่งปันกับลูกค้า โดยให้ตัวอย่างกับเรา หลังจากที่เราเขียนเรื่องราวเสร็จ เขาสั่งให้เราหาคนจากประเทศต่างๆ โดยเฉพาะสิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน และประเทศตะวันตก เขาสั่งให้เราใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ และแอพหาคู่ต่างๆ เช่น OkCupid, Tinder ฯลฯ ในการหาคน บางครั้งเขายังให้รายชื่อเบอร์ WhatsApp เพื่อส่งข้อความหาด้วย เนื่องจากประสบการณ์ของผมในศูนย์กักขังแรกที่เราแค่หาคนจากประเทศตะวันตกเพื่อการลงทุน ผมจึงถามเขาว่าทำไมถึงบอกให้เราหาคนจากประเทศอย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย และบรูไนด้วย? เขาตอบว่า "ฉันได้เงินลงทุน/เงินหลอกลวงก้อนใหญ่ที่สุดจากคนสิงคโปร์ และคนนั้นลงทุนไป 321,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ อีกอย่างที่เรามีคือสาวมาเลเซียที่สามารถส่งข้อความเสียงและคุยกับลูกค้าทางโทรศัพท์ได้"

หลังจากทำงานในบริษัทนั้นเพียง 9 วัน ชาวมาเลเซียมีปัญหากับชาวจีนในศูนย์กักขังและตัดสินใจย้ายไปศูนย์อื่น ทิ้งพวกเราไว้กับนายหน้าที่พูดภาษาจีน ในช่วงนั้น ผมเกือบโน้มน้าวให้คนหลายคนลงทุนได้ในเวลาอันสั้น เพราะหลังจาก 4 วันพวกเขาเริ่มลงโทษให้เราวิดพื้น ผมจึงทำงานหนักมาก หนึ่งในนั้นสุดท้ายก็ลงทุนและถูกผมหลอกตอนที่ทำงานในบริษัทที่สาม ตลอดเวลานี้ ผมติดต่อนายหน้าในบังกลาเทศและกัมพูชาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้พาผมออกจากศูนย์กักขัง อย่างไรก็ตาม พวกเขาแค่สัญญาและถ่วงเวลาผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรจริงๆ หลังจากขายผมให้อาชญากรชาวจีน ผมไม่สามารถหนีจากศูนย์กักขังได้ด้วยสองเหตุผล: หนึ่ง มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และสอง ผมไม่มีหนังสือเดินทาง

ในศูนย์กักขังนี้ มีการรักษาความปลอดภัย 4 ระดับ ระดับแรกอยู่ทุกชั้นของหอพัก ระดับที่สองอยู่ที่ประตูแรกของศูนย์ ระดับที่สามอยู่ที่ประตูที่สองของศูนย์ และระดับที่สี่เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิเศษที่เป็นอดีตทหารและเจ้าหน้าที่แต่งชุดดำ เจ็ดคนในนั้นมาจากเนปาล ผมรู้จักสัญชาติของพวกเขาเพราะได้คุยกับบางคน

เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผมถูกทิ้งไว้ในห้อง ไม่ได้ทำอะไรเลย หลังจากหนึ่งสัปดาห์ ผมถูกขายให้บริษัทหลอกลวงของจีนแห่งใหม่ในศูนย์เดียวกันอีกครั้ง ในตอนนั้น มีเพียงชาวบังกลาเทศสามคนและเจ้าของบริษัท เจ้านายคนหนึ่งให้คอมพิวเตอร์ 40 เครื่อง กล่อง iPhone หนึ่งกล่อง (คาดว่ามีโทรศัพท์มากกว่า 50 เครื่อง) และอุปกรณ์อื่นๆ กับเรา และสั่งให้เราจัดตั้งสำนักงาน พวกเราสามคนจัดตั้งสำนักงานใหม่ตามที่ได้รับมอบหมาย


ออฟฟิศที่มีคนทำงานกว่า 40 คน

มีคน 40 คนเข้าร่วมกับเรา ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน มีชาวไต้หวัน มาเลเซีย และอินเดียรวมอยู่ด้วย หลังจากทุกคนเข้าร่วมบริษัท พวกเขาให้บทสนทนาและประวัติการแชทหลอกลวงที่ประสบความสำเร็จมาให้เราอ่านและเรียนรู้ พวกเขาสั่งให้เราหาคนจากสหรัฐฯ แคนาดา และประเทศในยุโรปโดยใช้เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ และแอพหาคู่อย่าง Tinder, Jaumo, Okcupid, Tantan ฯลฯ เราถูกสั่งให้สร้างความสัมพันธ์กับพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพ ความรัก หรือแม้แต่ความสัมพันธ์ทางเพศ เป้าหมายหลักคือการได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและค่อยๆ แนะนำพวกเขาเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี แต่ยังไม่เกี่ยวกับการลงทุนในตอนนี้เพราะเรากำลังรอนักพัฒนาซอฟต์แวร์สร้างแอพเทรดปลอมใหม่ให้บริษัท

หลังจากหนึ่งเดือน เมื่อแอพเทรดปลอมพร้อมแล้ว เจ้านายคนหนึ่งแนะนำแอพ KHby-UOB ให้เรารู้จักและฝึกเราใช้งาน พวกเขายังสอนเราเกี่ยวกับ UOB-Kay Hian บริษัทนายหน้าที่มีชื่อเสียงในสิงคโปร์ที่มีธนาคารชื่อเดียวกัน หลังจากฝึกเราใช้แอพแล้ว พวกเขาให้เป้าหมายรายวันในการติดตั้งและลงทะเบียนลูกค้าบนแอพ จากนั้นเราถูกสั่งให้แนะนำลูกค้าให้ซื้อ USDT จากกระเป๋าเงินคริปโตจริงและเติมเงินลงในแอพ

สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นเกี่ยวกับแอพเทรดปลอมคือพวกมันมีเพียงสามภาษา: อังกฤษ จีนตัวย่อ และจีนตัวเต็ม หนึ่งในลูกค้าของผมจากปากีสถานทำการลงทุนครั้งแรกในแอพ KHby-UOB และผมมีลูกค้าที่มีศักยภาพสนใจลงทุนอีกไม่กี่คน หลังจากสังเกตการทำงานของผม ผู้จัดการมอบหมายให้ผมเป็นหัวหน้าทีมและขอให้ผมสนับสนุนเพื่อนร่วมงานในการทำงานเมื่อพวกเขาประสบปัญหา พวกหลอกลวงไม่เพียงแต่บังคับให้คนทำงานให้พวกเขาเท่านั้น แต่ยังใช้ทักษะของพวกเขาเพื่อหาเงินให้ตัวเอง เช่น พวกเขาใช้ความสามารถของผมในการโน้มน้าวคนให้หลงกล เหยื่ออย่างผมช่วยตัวเองไม่ได้ เราไม่มีทางเลือกนอกจากเชื่อฟังคำสั่งของพวกเขา

เจ้านายชาวจีนตีคนด้วยไม้เบสบอล ช็อตไฟฟ้า และทรมานคนในหลายวิธี และเราไม่สามารถทำอะไรเพื่อช่วยพวกเขาหรือหยุดพวกเขาได้ หลังจากทำงานในบริษัทนั้นมากกว่าสองเดือน เพื่อนชาวบังกลาเทศของผมพบองค์กรชื่อ Global Anti-Scam Organization (GASO) ซึ่งช่วยเหลือเหยื่ออย่างพวกเราจากศูนย์หลอกลวง เขาแสดงให้ผมดูโพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับการช่วยเหลือชาวไต้หวันบางคนจากศูนย์หลอกลวงของ GASO เมื่อผมเห็นโพสต์นั้น ผมจำคนสองคนจากรูปได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมห้องในบริษัทเดียวกับที่เรายังทำงานอยู่ จากนั้นเราติดต่อกับ GASO และขอความช่วยเหลือให้ช่วยเราออกจากศูนย์ หลังจากรอหนึ่งเดือนและไม่เห็นความคืบหน้าในกระบวนการช่วยเหลือ เราจึงติดต่อชาวบังกลาเทศและอินเดียบางคนที่อาจเชื่อมต่อเราถึงตำรวจกัมพูชาได้ ไม่นานหลังจากนั้น ตำรวจกัมพูชาส่งข้อความหาผมและขอข้อมูลของเรา

แม้จะรู้ว่าอาจไม่ได้ผลและอาจเป็นเรื่องยากสำหรับเรา เราก็ให้ข้อมูลทั้งหมดกับตำรวจและแจ้งบริษัทของเรา วันนั้นพวกเขาจ่ายเงินเดือนเต็มให้เราเป็นครั้งแรก เป็นเงิน 700 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม วันถัดมา หัวหน้าทีมชาวจีนของเราที่ทำหน้าที่เป็นล่ามด้วย ถามผมตรงๆ ว่า 'พวกนายพยายามใช้กลอุบายเพื่อหนีจากบริษัทนี้หรือเปล่า? ถ้านายบอกความจริง ฉันอาจปกป้องนายจากการถูกลงโทษได้ ไม่งั้นฉันช่วยไม่ได้' เมื่อผมได้ยินแบบนั้น ผมตกใจ ตระหนักว่าพวกเขารู้ทุกอย่าง ผมยอมรับว่าเราไม่ต้องการทำงานให้บริษัทอีกต่อไปเพราะมันเป็นการฉ้อโกง และทุกวันเราได้เห็นคนถูกทรมานต่อหน้าเรา

'ใครจะเต็มใจทำงานแบบนั้น?' ผมถาม จากนั้นหัวหน้าทีมแจ้งหัวหน้างานของเรา ซึ่งมาตีเรา แต่หัวหน้าทีมช่วยเราไว้ จากนั้นพวกเขาเอาเงิน 700 ดอลลาร์ที่ให้เราเมื่อคืนก่อนคืนและขายผมกับเพื่อนชาวบังกลาเทศให้ศูนย์อื่นชื่อ 'White Sands 2'

ศูนย์กักขังที่ 3: ในบริษัทใหม่ หญิงชาวจีนที่พูดภาษาอังกฤษได้สัมภาษณ์เราและถามเกี่ยวกับงานก่อนหน้าของเรา เมื่อเราตอบคำถามทั้งหมด เธอเข้าใจว่าเรารู้เกี่ยวกับงานดีและรู้วิธีทำ เธอยังตระหนักว่าเราอาจไม่ต้องการทำงานและต้องการกลับบ้าน เธอระบุว่าถ้าเราไม่เต็มใจทำงาน พวกเขาจะไม่ซื้อเรา และหลังจากซื้อเรา ถ้าเราพยายามหนี ผลที่ตามมาจะไม่ดี เรารู้ว่าถ้าเราบอกความจริง พวกเขาจะไม่ซื้อเราและจะส่งเรากลับไปยังศูนย์เก่า การกลับไปยังศูนย์เก่าจะส่งผลร้ายแรง แล้วผมก็บอกเธอว่า เหตุผลเดียวที่เรามาที่นี่คือเพื่อหาเงินและช่วยเหลือครอบครัว แล้วทำไมเราจะอยากหนีล่ะ? เธอจึงไว้ใจเรา และบริษัทใช้เงิน 10,000 ดอลลาร์เพื่อซื้อพวกเราแต่ละคนจากบริษัทเก่า

ในช่วงวันแรกๆ เราใช้เทคนิคเก่าในการหาคน จากนั้นพวกเขาแนะนำเราให้รู้จัก 'Google Voice' และให้เบอร์ 500 เบอร์เพื่อส่งข้อความทุกวัน เราไม่รู้ว่าพวกเขาได้เบอร์เหล่านั้นมาอย่างไร แต่เมื่อเราค้นหาในกูเกิล เราพบว่าเป็นเบอร์จากสหรัฐฯ และแคนาดา พวกเขายังให้บทสนทนาสำหรับแชทกับลูกค้า ซึ่งสมจริงและจัดระเบียบดี พวกเขาได้รับเงินลงทุนจำนวนมากเพราะบทแชทของพวกเขาดีมาก เราสังเกตว่าเกือบทุกคนลงทุนที่นั่น ซึ่งแตกต่างจากบริษัทอื่นที่เราเคยทำงานโดยสิ้นเชิง แพลตฟอร์มการเทรดที่พวกเขาใช้ก็สมจริงมาก แพลตฟอร์มการเทรดหลักของพวกเขาเป็นแพลตฟอร์ม Metatrader-5 (MT-5) ที่ถูกโคลน และพวกเขายังใช้แอพอีกตัวชื่อ Bitdu (ซึ่งยังมีอยู่ใน Play Store และ App Store)

ผมพบคนที่มีคุณสมบัติไม่กี่คนที่จะเป็นเป้าหมาย สองคนพร้อมที่จะลงทุนจำนวนมาก คนหนึ่งเป็นชายชาวแคนาดาอายุประมาณ 65 ปี และอีกคนเป็นชาวเยอรมันอายุประมาณ 55 ปี แต่ผมหยุดขอให้ชายชาวเยอรมันลงทุนเพราะผมพบว่าเขาเป็นคนดีมาก เขาต้องการมิตรภาพจากผมและเขามีภรรยาและสุนัข 2 ตัวในครอบครัว และเขาบอกผมว่าหลังจากเขาเสียชีวิต ทรัพย์สินของเขาจะถูกบริจาคให้การกุศล ผมจึงไม่อยากขโมยเงินของเขาจริงๆ ในบริษัทนั้น เราใช้รูปของนางแบบสวยที่อยู่ในสำนักงานตลอดและคุยกับลูกค้าผ่านวิดีโอคอล ซึ่งทำให้การหลอกลวงคนทำได้ง่าย ลูกค้าทั้งสองคนของผมเตรียมพร้อมที่จะลงทุน แต่โชคดีที่หลังจากพยายามสองเดือน GASO (Global Anti-Scam Organization - คือองค์กรที่ทำงานเพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกหลอกลวงหรือถูกบังคับให้ทำงานในศูนย์กักขังหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างๆ) ได้ช่วยผม เพื่อนของผม และเด็กชาวเนปาลออกจากศูนย์กักขังเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2022

กลับสู่บ้านเกิดและอุทิศตนช่วยเหลือผู้อื่น

หลังจากประสบการณ์อันเลวร้ายห้าเดือนเก้าวัน เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2022 เราได้กลับบังกลาเทศหลังจากได้รับความช่วยเหลือมากมายจากกลุ่มต่างๆ มันเป็นช่วงเวลาที่กินใจมากที่ได้เจอครอบครัวอีกครั้ง แม้จะยังมีความเจ็บปวดทางร่างกายจากการถูกทำร้ายในกัมพูชา นอกจากนี้ แม้ว่าการหาเงินจะเป็นเป้าหมายหลักของการไปกัมพูชา แต่ผมกลับมาด้วยกระเป๋าที่ว่างเปล่าและยังมีหนี้สินตั้งต้นที่ต้องชำระคืน

ตอนนี้ ผมทำงานที่ Humanity Research Consultancy ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่เสริมพลังผู้รอดชีวิตและการสื่อสาร เพื่อภารกิจในการยุติการค้ามนุษย์ ผ่านประสบการณ์ตรงของผม ผมสามารถมอบข้อมูลสำคัญให้กับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและเชื่อมต่อกับผู้รอดชีวิตจากการค้ามนุษย์คนอื่นๆ

ผมรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่งต่อทุกคนที่ช่วยเหลือและสนับสนุนผมตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในฐานะผู้รอดชีวิตจากการค้ามนุษย์และการเป็นทาสในโลกไซเบอร์ ผมฝันถึงโลกที่ปราศจากการเป็นทาส ที่ซึ่งทุกคนมีอิสรภาพและสามารถใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี

 

ที่มา:
The Horrible 5-Month Life in Scamming Compounds (Humanity Research Consultancy, 13th July 2024)

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: