กรมธนารักษ์ใช้ AI ช่วยประเมินราคาที่ดินปี 2569 ลดช่องว่าง-สร้างความแม่นยำ

กองบรรณาธิการ TCIJ 2 พ.ค. 2568 | อ่านแล้ว 6 ครั้ง

กรมธนารักษ์ใช้ AI ช่วยประเมินราคาที่ดินปี 2569 ลดช่องว่าง-สร้างความแม่นยำ

กรมธนารักษ์เร่งปรับปรุงการประเมินราคาที่ดินรอบใหม่ปี 2569 โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI เริ่มนำร่องที่จังหวัดนครนายกและกรุงเทพฯ มีเป้าหมายลดช่องว่างระหว่างราคาประเมินกับราคาตลาดให้ต่างกันไม่เกิน 15% พร้อมตั้งเป้าเพิ่มผลตอบแทนจากที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์อีก 20% ภายในปี 2569

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานเมื่อช่วงปลายเดือน เม.ย. 2568 ที่ผ่านมาว่า นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ กำลังเร่งปรับปรุงกระบวนการในการประเมินราคาที่ดินทั่วประเทศ ที่จะประกาศรอบใหม่ในปี 2569 โดยตั้งเป้าหมายให้ราคาประเมินสอดคล้องกับความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเบื้องต้นจะนำเทคโนโลยีดิจิทัล และระบบ AI เข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงจะมีการประสานข้อมูลกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากมีส่วนงานในการประเมินราคาสินทรัพย์และที่ดินด้วย ซึ่งจะช่วยให้ข้อมูลมีความแม่นยำมากขึ้น

ทั้งนี้ กรมฯ ตั้งเป้าหมายในการใช้ AI และระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเสริมกระบวนการประเมินราคาที่ดิน ในที่ดินต้นแบบ 2 แห่ง ได้แก่ จังหวัดนครนายก และกรุงเทพฯ โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายใน ก.ย.68 หลังจากนั้นจะทยอยใช้ให้ครบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

"ปัจจุบัน ราคาประเมินที่ดิน กับราคาตลาดยังมีช่องว่างสูงสุด 30-40% ซึ่งกรมฯ ได้พยายามยกระดับ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อให้ราคาออกมาสอดคล้องกับความเป็นจริงมากที่สุด โดยมีเป้าหมายให้ราคาประเมินที่ดินกับราคาตลาด มีช่องว่างที่แตกต่างกันลดลงไม่เกิน 15% ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย แต่ก็ต้องยอมรับว่าด้วยราคาประเมินที่ดินในแต่ละพื้นที่ ก็จะแตกต่างกันไปตามศักยภาพด้วย ดังนั้น จึงมองว่าการดึงเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามา และเชื่อมโยงข้อมูลกับส่วนงานต่าง ๆ จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานได้เป็นอย่างดี" นายเอกนิติ กล่าว

พร้อมกันนี้ กรมธนารักษ์ ยังตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้และอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Asset : ROA) สำหรับที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์ให้สูงขึ้น 20% หรือ 2 พันล้านบาท ภายในปี 2569 ภายใต้ยุทธศาสตร์ในการเพิ่มมูลค่าและคุณค่าทรัพย์สินของแผ่นดิน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิต ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมและวัฒนาธรรม

ขณะที่เป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของกรมธนารักษ์ ในปีงบประมาณ 2568 อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น การจัดเก็บรายได้จากค่าเช่าที่ดินราชพัสดุเชิงพาณิชย์ 1.06 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้จัดเก็บได้แล้ว 9.8-9.9 พันล้านบาท และรายได้จากเหรียญกษาปณ์อีก 400 ล้านบาท

"5 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค. 67-ก.พ.68) ธนารักษ์จัดเก็บรายได้สูงกว่าปีก่อน 13% และสูงกว่าเป้าหมายที่กระทรวงการคลังตั้งไว้ 9.2% จากการบริหารสัญญาค่าเช่าที่ดินราชพัสดุ เป็นต้น ซึ่งในส่วนนี้ กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างการทบทวนสัญญาเช่าที่ราชพัสดุ โดยเฉพาะเชิงพาณิชย์ที่กำลังจะหมดสัญญา จะมีการปรับขึ้นค่าเช่า เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริงมากขึ้น ที่ผ่านมาได้ดำเนินการไปแล้ว กับ บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท." นายเอกนิติ กล่าว

นอกจากนี้ ยังมองว่า การทบทวนสัญญาเช่าที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์ จะเป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยให้กรมธนารักษ์ สามารถเพิ่มอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินราชพัสดุ 12.6 ล้านไร่ โดยในส่วนนี้แบ่งเป็นพื้นที่ความมั่นคง 2.6 ล้านไร่ และอีก 10.48 ล้านไร่ เป็นพื้นที่ที่ส่วนราชการครอบครอง ซึ่งในส่วนนี้มีพื้นที่ประมาณ 1 ล้านไร่ ที่ยังไม่มีการบริหารให้มีประสิทธิภาพ ก็จะมีการเข้าไปดูเพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้มากขึ้น ซึ่งอาจจะต้องมีการวางยุทธศาสตร์หรือกลยุทธ์ในการดำเนินการ เพื่อให้มีการดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: