ตัวแทนประชาชน 19 จังหวัดรวมพลหน้าซีพีเอฟและทำเนียบเรียกร้องรัฐบาล 4 ข้อ ขจัดปลาหมอคางดำให้เป็นศูนย์ภายในปี 68 ตั้งคณะกรรมการกลางสอบสวนหาผู้ก่อเหตุ ฟ้องเรียกค่าเสียหาย และเร่งประกาศเขตภัยพิบัติเยียวยาผู้เสียหาย
13 ม.ค. 2568 ตัวแทนประชาชนจาก 19 จังหวัด ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของปลาหมอคางดำและผู้สนับสนุนรวมกันกว่า 200 คน รวมพลบริเวณถนนสีลม เดินทางด้วยเท้าจากหน้าตึกสีลมคอมเพล็กซ์ไปยังตึกซีพีทาวเวอร์ โดยผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ใส่เสื้อยืดภาพปลาเล็กรวมพลังขับไล่ปลาใหญ่ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการเรียกร้องให้บริษัทซีพีเอฟแสดงความรับผิดชอบต่อปัญหาการระบาดของปลาหมอคางดำ พร้อมป้ายข้อความเรียกร้องต่างๆเช่น “ผู้ก่อปัญหาสิ่งแวดล้อม ผู้นั้นต้องรับผิดชอบ” “ใครเอาเข้ามา ก็เอาคืนไป”
นายธีระ วงษ์เจริญ ผู้นำเกษตรกรจากจังหวัดจันทบุรี อ่านคำแถลงเรียกร้องให้ซีพีเอฟซึ่งเป็นเอกชนรายเดียวที่นำเข้าปลาหมอคางดำเข้ามาเมื่อปี 2553 และต่อมาพบการระบาดในบริเวณคลองติดกับฟาร์มและใกล้ฟาร์ม ให้แสดงความรับผิดชอบ “ซีพีเอฟแถลงเมื่อปลายปี 2567 ที่ผ่านมาว่า เฉพาะไตรมาส 3 บริษัทมีผลกำไรมากถึง 7.3 พันล้านบาท ในฐานะบริษัทมหาชน ควรแบ่งผลกำไรเหล่านั้นคืนสู่สังคมเพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ หรือกรณีอื่นๆ เช่น ฝุ่นพิษ PM 2.5 เป็นต้น” นายธีระกล่าว
หลังจากอ่านคำแถลงที่หน้าซีพีทาวเวอร์แล้ว เครือข่ายของประชาชนได้เดินทางมาชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลบริเวณประตู 2 มีการปราศรัย เกี่ยวกับสถานการณ์ผลกระทบของปลาหมอคางดำที่ขณะนี้ได้ระบาดไปอย่างกว้างขวางมากกว่าเดิม ทั้งในพื้นที่เดิม เช่น บริเวณบางขุนเทียน กทม. สมุทรสาคร สมุทรปราการ สมุทรสงคราม ภาคตะวันออกในจังหวัดจันทบุรี
นายสามารถ สะกวี จากเครือข่ายความมั่นคงทางอาหาร ภาคใต้ระบุว่า “ขณะนี้ปลาหมอคางดำได้ระบาดอย่างหนักในพื้นที่หลายร้อยตารางกิโลเมตรบริเวณลุ่มน้ำปากพนัง ในจ.นครศรีธรรมราช ยันคาบสมุทรสทิงพระ จ.สงขลา ทำลายสายพันธุ์ปลาท้องถิ่นแทบหมดสิ้น เชื่อว่าขณะนี้ปลาหมอคางดำกำลังพักตัวและจะระบาดในทะเลสาบสงขลาซึ่งเป็นฮอตสปอตหรือศูนย์กลางความหลากหลายทางชีวภาพสำคัญของไทยและของโลกในไม่ช้า” “รัฐบาลต้องรีบจัดการปัญหาของประชาชน ไม่ใช่คล้อยตามกลุ่มทุนใหญ่ที่พยายามผลักดันให้คนไทยอยู่ร่วมกับปลาหมอคางดำ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่อาจรับได้” นายสามารกล่าว
ในเวลาประมาณ 13.30 น. นายปัญญา โตกทอง แกนนำของเกษตรกร จากจ.สมุทรสงคราม ได้ยื่นหนังสือเรียกร้องต่อรัฐบาล โดยมีข้อเรียกร้อง 4 ข้อคือ
1) ให้คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนอิสระเพื่อสืบสวน สอบสวน หาผู้กระทำความผิดในการทำให้เกิดการระบาดของปลาหมอคางดำ โดยต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน
2) ขอให้รัฐบาลเร่งรัดดำเนินการให้มีการเยียวยาเกษตรกรและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของปลาหมอคางดำเป็นการด่วน โดยขอให้จังหวัดเร่งประกาศเขตภัยพิบัติ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ
3) ให้คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติ และคณะทำงานระดับจังหวัดเพื่อขจัดปลาหมอคางดำ ฟื้นฟูระบบนิเวศ และฟื้นฟูอาชีพของเกษตรกรและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยตั้งเป้าหมายให้ขจัดปลาหมอคางดำให้เป็นศูนย์ภายในปี 2569 จัดหางบประมาณให้เพียงพอ
และ 4) เมื่อผลการสอบสวนสืบสวนแล้วเสร็จและพบผู้กระทำความผิด ให้ดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อให้ผู้ก่อปัญหาต้องชดใช้ เยียวยาความเสียหาย เพื่อไม่เป็นการเบียดบังงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนทั้งประเทศ
“เราเรียกร้องให้นายกรัฐนตรีและคณะรัฐมนตรีบรรจุวาระเกี่ยวกับข้อเรียกร้องดังกล่าวการประชุมคณะรัฐมนตรีในการประชุมครั้งถัดไป และมอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องแจ้งความคืบหน้าการดำเนินการ 3 ข้อแรกภายใน 15 วัน” นายปัญญา กล่าว
หลังจากยื่นหนังสือต่อตัวแทนรัฐบาลที่ทำเนียบแล้ว ตัวแทนของเครือข่ายประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของปลาหมอคางดำ ยังได้เดินทางไปยังรัฐสภา โดยได้ยื่นหนังสือต่อ นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เพื่อขอให้พิจารณาเพื่อดำเนินการศึกษา เสนอแนวทาง และเร่งรัดการแก้ปัญหาการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนในกรณีการระบาดของปลาหมอคางดำ และยื่นหนังสืออีกฉบับต่อ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอให้เร่งรัดการแก้ปัญหาการระบาดของปลาหมอคางดำ
ก่อนที่ตัวแทนจากแต่ละจังหวัดเดินทางกลับภูมิลำเนา นายธีระ แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า “ปัญหาการระบาดของปลาหมอคางดำนั้น นักวิชาการระบุว่าเป็นหายนะต่อระบบนิเวศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สิ่งแวดล้อมของไทย แต่รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆกลับไม่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจริงจัง เราจะให้เวลารัฐบาล 15 วัน ถ้ายังคงเงียบเฉย ประชาชนจากจังหวัดต่างๆ 19 จังหวัดจะระดมพลครั้งใหญ่ พร้อมปลาหมอคางดำหลายตันมาเทหน้าทำเนียบ”
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ