สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เผยผลการตรวจสอบโครงการส่งเสริมการออกกำลังกาย กีฬา และนันทนาการของกรมพลศึกษา ที่ได้รับงบประมาณกว่า 3,146.15 ล้านบาท ในช่วงปีงบประมาณ 2562-2566 พบปัญหาการบริหารจัดการและการดำเนินงานที่ยังไม่มีประสิทธิภาพ | ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับผลการตรวจสอบของ สตง.
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เผยผลการตรวจสอบโครงการส่งเสริมการออกกำลังกาย กีฬา และนันทนาการของกรมพลศึกษา พบปัญหาการบริหารจัดการและการดำเนินงานที่ยังไม่มีประสิทธิภาพ
จากการตรวจสอบโครงการที่ได้รับงบประมาณกว่า 3,146.15 ล้านบาท ในช่วงปีงบประมาณ 2562-2566 สตง. พบข้อบกพร่องสำคัญ 2 ประการ คือ การดำเนินงานที่ไม่สอดคล้องกับหลักการบริหารจัดการที่ดี และความเสี่ยงในการบริหารจัดการสนามกีฬาและสระว่ายน้ำชุมชนหลังก่อสร้างแล้วเสร็จ
ในประเด็นแรก พบว่าการจัดทำโครงการย่อยภายใต้โครงการส่งเสริมการออกกำลังกายฯ บางโครงการยังขาดการมีส่วนร่วมในการสำรวจความต้องการของหน่วยงานในระดับพื้นที่ ทำให้บางโครงการไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน เนื่องจากแต่ละพื้นที่มีความนิยมในชนิดกีฬาและกิจกรรมที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังพบปัญหาการจัดสรรงบประมาณแบบเท่ากันทุกพื้นที่ ทำให้บางพื้นที่ประสบปัญหาในการบริหารจัดการงบประมาณ โดยเฉพาะโครงการจัดการแข่งขันกีฬาที่มีจำนวนทีมเข้าร่วมไม่เท่ากัน
ที่สำคัญ การดำเนินงานของอาสาสมัครกีฬาและผู้นำการออกกำลังกาย (อสก.) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ ยังไม่บรรลุเป้าหมายตามแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ โดยในปีงบประมาณ 2566 มี อสก. ที่ได้รับการอบรมเพียงร้อยละ 13.21 ของจำนวนหมู่บ้านทั้งหมด ต่ำกว่าเป้าหมายที่ต้องการให้มี อสก. ครบทุกหมู่บ้านภายในปี 2567
สำหรับประเด็นที่สอง พบว่าสนามกีฬาระดับอำเภอและตำบลที่ก่อสร้างแล้วเสร็จจำนวน 164 แห่ง มีถึง 118 แห่ง หรือร้อยละ 71.95 ที่ยังไม่ได้ถ่ายโอนให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลบำรุงรักษา บางแห่งใช้เวลานานกว่า 8 ปีหลังก่อสร้างแล้วเสร็จ เนื่องจากปัญหาเอกสารไม่ครบถ้วน การก่อสร้างในพื้นที่ไม่ตรงกับที่ขอ และหน่วยงานที่จะรับถ่ายโอนไม่มีงบประมาณในการดูแลบำรุงรักษา
ส่วนสระว่ายน้ำชุมชนที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ 9 แห่งจากทั้งหมด 12 แห่ง ยังไม่มีการถ่ายโอนให้หน่วยงานรับผิดชอบเช่นกัน และยังพบปัญหาการควบคุมดูแลที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย
สตง. ได้เสนอแนะให้กรมพลศึกษาปรับปรุงการดำเนินงานหลายประการ อาทิ การสำรวจความต้องการของพื้นที่ก่อนจัดทำโครงการ การปรับกระบวนการฝึกอบรม อสก. ให้มีประสิทธิภาพ การพัฒนาระบบติดตามประเมินผล และการเร่งแก้ไขปัญหาการถ่ายโอนสนามกีฬาและสระว่ายน้ำ รวมถึงการพิจารณาชะลอการของบประมาณก่อสร้างสนามกีฬาแห่งใหม่จนกว่าจะแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ให้แล้วเสร็จ เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ