ตัวแทนจากภาคธุรกิจและหน่วยงานต่างๆ จากทั่วโลกลงความเห็นในการสร้างบรรทัดฐานใหม่ทางธุรกิจ เน้นย้ำถึงเหตุผลที่การทำธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบเป็นเรื่องที่ต้องทำ ไม่ใช่แค่ทางเลือก เพื่อสร้างความยั่งยืนขององค์กรในระยะยาวและตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลง ตลอดจนความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
เมื่อช่วงเดือน ก.พ. 2568 Oxfam in Asia และบริษัท ป่าสาละ จำกัด ร่วมกันจัดงาน Asia Inclusive & Responsible Business Forum (Asia IRB) ครั้งที่ 2 ขึ้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเป็นการประชุมที่รวมตัวแทนที่มีทั้งผู้นำจากธุรกิจ ผู้มีบทบาทหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย และตัวแทนจากองค์กรภาคประชาสังคมกว่า 160 คน จาก 20 ประเทศทั่วโลก มาร่วมแลกเปลี่ยนทัศนะเกี่ยวกับบรรทัดฐานในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ ผ่านการเสวนาและการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นอย่างทั่วถึง
ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในปัจจุบัน สิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจในภูมิภาคเอเชียคือการสร้างความยืดหยุ่น การปรับตัว และการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อตอบรับกับสถานการณ์โลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง การประชุมครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นความก้าวหน้าของแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบในภูมิภาคนี้ รวมทั้งยังได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมกันสำรวจแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น
แม้ว่าหลายบริษัทจะเริ่มนำแนวทางการบริหารธุรกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืนและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังมาปรับใช้ ตั้งแต่การจ่ายค่าแรงที่เป็นธรรม การส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ไปจนถึงการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (climate-resilient supply chains) แต่ความพยายามเหล่านี้ก็ยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากขาดแนวทางการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence - HRDD) ซึ่งส่งผลให้แรงงานยังคงเสี่ยงต่อการถูกเอารัดเอาเปรียบ ในขณะเดียวกัน ชุมชนก็ต้องเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่นับวันยิ่งเสื่อมโทรมลง
John Samuel ผู้อำนวยการระดับภูมิภาคของ Oxfam in Asia กล่าวว่า “นักธุรกิจ นักลงทุน และรัฐบาลของประเทศในภูมิภาคเอเชียมีศักยภาพเพียงพอที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงอันจะนำไปสู่การสร้างมาตรฐานสำหรับโมเดลทางธุรกิจที่ยั่งยืนและไม่ทิ้งใครข้างหลัง วิธีนี้ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนเท่านั้น แต่ยังทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างเข้มแข็งในระยะยาวอีกด้วย การดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบอาจไม่ใช่แค่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการปรับตัวในโลกที่กำลังเผชิญกับวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความไม่เท่าเทียมที่เพิ่มขึ้น และความคาดหวังของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป”
ความคืบหน้าที่ผ่านมา เห็นได้จากในการประชุม ASEAN Inclusive Business Forum ครั้งที่ 7 ที่ สปป.ลาว เมื่อปี 2567 ซึ่งมีการร่วมกันหารือถึงแนวทางกำหนดกรอบแบบจำลองสำหรับระบบการรับรองธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานรากในอาเซียน (Model Framework for an Inclusive Business Accreditation System in ASEAN) ที่จะช่วยให้รัฐบาลประเมินธุรกิจต่างๆ โดยคำนึงถึงผลกระทบทางสังคม ความอยู่รอดในเชิงพาณิชย์ รวมถึงนวัตกรรม และสร้างแรงจูงใจ การจัดอบรม การฝึกสอน การให้คำแนะนำ และการส่งเสริมการค้าให้กับธุรกิจที่ดำเนินงานแบบไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังเพิ่มมากขึ้น
“เราเชื่อว่าการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบไม่ใช่เป็นเพียงกระแส แต่เป็นรากฐานสำคัญสำหรับความยั่งยืนในระยะยาว โดยการประชุม Asia Inclusive & Responsible Business Forum ได้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าแนวทางการดำเนินธุรกิจที่เป็นธรรมจะกลายเป็นมาตรฐานในภูมิภาคเอเชีย นอกจากนี้ การดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อแรงงาน ชุมชน และสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจ เสริมสร้างความสามารถในการปรับตัว และสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวอีกด้วย" พลภคินทร์ พฤฒิวงศ์วาณิช ผู้ประสานงานโครงการ บริษัท ป่าสาละ จำกัด กล่าว
อย่างไรก็ตาม พลวัตของโลกในปัจจุบันได้นำมาซึ่งความท้าทายใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการที่พื้นที่ของภาคประชาสังคมถูกจำกัดมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในหลายประเทศส่งผลให้บริษัทจำนวนมากละเลยการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบและมีจริยธรรม และยังก่อให้เกิดแรงต้านต่อความคิดริเริ่มที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
"เมื่อเผชิญความท้าทายระดับโลก ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและความไว้วางใจระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น แม้เราจะมีเป้าหมายร่วมกัน แต่เราต้องพยายามให้มากขึ้นเพื่อหาจุดร่วมที่สำคัญ และคิดอย่างจริงจังว่าภูมิภาคเอเชียจะสามารถทำให้ธุรกิจที่รับผิดชอบกลายมาเป็นบรรทัดฐานไม่ใช่แค่ข้อยกเว้นได้อย่างไร" Huan Nguyen ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้ออย่างมีความรับผิดชอบประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Tesco กล่าว
ในการประชุมครั้งนี้ มีการพูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากหลายภาคส่วน ทั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความท้าทายต่างๆ ตลอดจนผู้นำองค์กรที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งทำให้เห็นมุมมองที่หลากหลาย ตั้งแต่เรื่องความคิดริเริ่มของคนทำงานในท้องถิ่น ไปจนถึงกลยุทธ์และข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของบริษัทใหญ่ๆ ซึ่งล้วนเน้นย้ำถึงความสำคัญของการหาทางออกที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง นอกจากนี้ยังมีการร่วมกันนำเสนอปัจจัยต่างๆ ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง เช่น การปรับกฎระเบียบของแนวทางการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน (Human Rights and Environmental Due Diligence - HREDD) และการนำรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ มาใช้
ในการประชุมเชิงปฏิบัติการ มีการพูดถึงประเด็นสำคัญหลายประการ เช่น การขึ้นค่าแรงที่เพียงพอต่อการดำรงชีพ การนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ในธุรกิจ การขจัดความไม่เท่าเทียมทางเพศ และการให้ความสำคัญกับงานดูแลที่ไม่ได้รับค่าจ้าง (unpaid care work) นอกจากนี้ ยังมีประเด็นร่วมที่ถูกพูดถึงในหลายๆ การประชุมเชิงปฏิบัติการ คือ ความจำเป็นเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน และความสำคัญของการนำนโยบายไปปฏิบัติจริง
แนวคิดเหล่านี้ถูกนำเสนอในส่วนที่เรียกว่า Marketplace ภายในงาน ซึ่งเป็นพื้นที่ให้ผู้ผลิตและผู้ซื้อได้มาพบกัน โดยมีผู้ประกอบการ SMEs กว่า 10 ราย ที่มานำเสนอสินค้าของตนเอง เช่น อาหารทานเล่นจากกัมพูชาที่ทำจากจิ้งหรีดที่เลี้ยงด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ และเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าอัปไซเคิลโดยกลุ่มสตรีในเคนยา ธุรกิจเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า การทำธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังเป็นสิ่งที่ทำได้จริง
"การได้เห็นธุรกิจ SMEs หลายแห่งทำงานอย่างมีความหมาย สร้างแรงบันดาลใจได้อย่างมาก การประชุมครั้งนี้ถือเป็นเวทีที่ดีที่ทำให้เราได้เห็นถึงรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ที่ให้ความสำคัญกับการโอบรับความหลากหลายและมีความรับผิดชอบเป็นอันดับแรก ปกติแล้วเรามักจะยุ่งอยู่กับงานประจำวัน แต่การจัดงานแบบนี้ช่วยเตือนให้เรามองไกลกว่าผลกำไร และให้ความสำคัญว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ธุรกิจของเราสามารถช่วยสร้างโลกที่ยั่งยืนได้" Mai Thi Anh Dao ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ Việt Trang Handicraft กล่าว
การประชุม Asia Inclusive & Responsible Business Forum 2025 ครั้งนี้ จบลงด้วยข้อสรุปที่ทุกภาคส่วนเห็นตรงกันว่า ธุรกิจที่มีความรับผิดชอบ ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของจริยธรรมที่ดี แต่เป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ธุรกิจที่มุ่งมั่นดำเนินไปในแนวทางนี้ก็ควรได้รับการยกย่องและให้คุณค่าด้วย
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ