สตง. เผยผลตรวจการจัดการวัสดุกัมมันตรังสี สนง.ปรมาณูเพื่อสันติ พบข้อบกพร่องสำคัญ 3 ด้าน

กองบรรณาธิการ TCIJ 27 ม.ค. 2568 | อ่านแล้ว 325 ครั้ง

สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เผยผลตรวจสอบการบริหารจัดการวัสดุกัมมันตรังสีของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ พบข้อบกพร่องสำคัญ 3 ด้าน "ปัญหาการออกใบอนุญาตและระบบฐานข้อมูล-การตรวจสอบสถานประกอบการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย-การขาดการกำกับติดตามและฐานข้อมูลกากกัมมันตรังสี"

สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้เปิดเผย รายงานการตรวจสอบผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการดำเนินงานการบริหารจัดการและควบคุมวัสดุกัมมันตรังสีของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการกำกับดูแลความปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสีของประเทศไทย พบข้อค้นพบสำคัญดังต่อไปนี้

ข้อตรวจพบที่ 1: ปัญหาการออกใบอนุญาตและระบบฐานข้อมูล

สตง. พบว่า ปส. มีความล่าช้าในการออกใบอนุญาตให้แก่หน่วยงานและสถานประกอบการ โดยตั้งแต่ปีงบประมาณ 2565 มีใบอนุญาตที่ยังออกไม่ได้จำนวน 26 ฉบับ และจากการติดตามล่าสุด ณ วันที่ 10 ก.ค. 2567 ยังคงเหลือคำขอที่ไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ 11 ฉบับ โดยสาเหตุหลักมาจากหน่วยงานขาดเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางรังสี 9 ฉบับ และอีก 2 ฉบับเข้าข่ายต้องแจ้งการครอบครองหรือใช้

นอกจากนี้ ในช่วงปีงบประมาณ 2564 ถึงปัจจุบัน มีการออกใบอนุญาตล่าช้าเกินกว่ากรอบเวลาที่กำหนดในคู่มือประชาชนถึง 100 ฉบับ และพบว่ามีหน่วยงานจำนวน 52 ฉบับที่ดำเนินการต่ออายุใบอนุญาตภายหลังจากที่ใบอนุญาตหมดอายุแล้ว

ข้อตรวจพบที่ 2: การตรวจสอบสถานประกอบการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

การตรวจสอบโดยกลุ่มตรวจสอบวัสดุกัมมันตรังสีและวัสดุนิวเคลียร์ทางการแพทย์และศึกษาวิจัย (กตพ.) ไม่เป็นไปตามแผน โดยในปีงบประมาณ 2564-2566 มีสถานประกอบการที่ไม่ได้รับการตรวจสอบคิดเป็นร้อยละ 30.52, 2.99 และ 5.10 ตามลำดับ ส่วนกลุ่มตรวจสอบวัสดุกัมมันตรังสีและวัสดุนิวเคลียร์ทางอุตสาหกรรม (กตอ.) มีสถานประกอบการที่ไม่ได้รับการตรวจสอบในปีงบประมาณ 2564 และ 2566 คิดเป็นร้อยละ 50.91 และ 13.10 ตามลำดับ

ข้อตรวจพบที่ 3: การขาดการกำกับติดตามและฐานข้อมูลกากกัมมันตรังสี

สตง. พบว่า ปส. ขาดการกำกับติดตามให้ผู้ครอบครองวัสดุกัมมันตรังสีรายงานผลการดำเนินการ โดยผู้ครอบครองส่วนใหญ่ไม่มีการแจ้งผลการจัดการกากกัมมันตรังสี ไม่จัดทำรายงานแสดงปริมาณของวัสดุกัมมันตรังสี และไม่มีการรายงานการปล่อยทิ้งกากกัมมันตรังสีตามที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ ปส. ยังไม่มีฐานข้อมูลกากกัมมันตรังสีที่สมบูรณ์สำหรับการกำกับดูแล

ข้อเสนอแนะของ สตง.

สตง. ได้เสนอแนะให้เลขาธิการ ปส. ดำเนินการหลายประการ ได้แก่:

1. การพัฒนาระบบฐานข้อมูลกลางที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภายใน
2. การกำหนดแนวทางการติดตามที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม
3. การพัฒนาและปรับปรุงคู่มือการตรวจสอบให้ครอบคลุม
4. การเร่งรัดโครงการพัฒนาด้านดิจิทัลเพื่อการกำกับดูแลความปลอดภัย
5. การสร้างความรู้ความเข้าใจแก่เจ้าหน้าที่และผู้ประกอบการ

ความสำคัญของการตรวจพบ

การตรวจพบข้อบกพร่องดังกล่าวมีนัยสำคัญต่อความปลอดภัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากวัสดุกัมมันตรังสีมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในหลายภาคส่วน ทั้งการแพทย์ อุตสาหกรรม การศึกษาวิจัย และเกษตรกรรม หากขาดการควบคุมดูแลที่มีประสิทธิภาพอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางรังสีที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะกรณีที่มีการสูญหายของวัสดุกัมมันตรังสีประเภทที่ 1 และ 2 ซึ่งมีระดับความอันตรายสูง

สตง. ยังเน้นย้ำว่าการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลความปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสีของประเทศไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล สอดคล้องกับหลักการ 3S ได้แก่ ความปลอดภัย (Safety) ความมั่นคงปลอดภัย (Security) และการพิทักษ์ความปลอดภัย (Safeguards) ภายใต้พระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. 2559 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: