PwC ประเทศไทย คาด AI agent จะถูกนำมาใช้งานในธุรกิจไทยมากขึ้นหลังช่วยเพิ่มผลผลิตและความเร็วในการนำสินค้าออกสู่ตลาดได้มากกว่า 50% คาดพลิกโฉมธุรกิจ-การจ้างงานในอีก 1-2 ปีข้างหน้า
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานเมื่อช่วงเดือน เม.ย. 2568 ว่า PwC ประเทศไทย คาด AI agent จะถูกนำมาใช้งานในธุรกิจไทยมากขึ้นหลังช่วยเพิ่มผลผลิตและความเร็วในการนำสินค้าออกสู่ตลาดได้มากกว่า 50% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน ค้าปลีก และโลจิสติกส์ ชี้การเข้ามาของเทคโนโลยีนี้อาจส่งผลกระทบต่อกำลังแรงงานเดิมและอัตราการจ้างงานใหม่ของธุรกิจพร้อมแนะผู้ประกอบการวางกลยุทธ์อย่างรอบคอบเพื่อสร้างสมดุลระหว่างกำไรและประสิทธิภาพของการใช้ AI
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมไทยที่คาดว่าจะนำ AI agent มาใช้ปีนี้ ได้แก่
1. บริการทางการเงิน: ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล การให้คำแนะนำ การวิเคราะห์ความเสี่ยง และตรวจสอบธุรกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย
2. ค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ: บริหารจัดการสินค้าคงคลัง วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค สร้างแผนการตลาดส่วนบุคคล และปรับปรุงประสบการณ์การซื้อผ่านสนทนาอัตโนมัติ
3. ขนส่งและโลจิสติกส์: วางแผนเส้นทางขนส่ง จัดการคลังสินค้าอัตโนมัติ และตรวจสอบสถานะจัดส่งแบบเรียลไทม์ แนวทางสำหรับธุรกิจไทยในการสร้างสมดุลระหว่างกำไร การแข่งขัน และความไว้วางใจกับพนักงาน
ธุรกิจไทยควรมีกลยุทธ์ที่รอบคอบในการนำ AI agent มาใช้โดยต้องสร้างสมดุลระหว่างผลกำไร ความได้เปรียบในการแข่งขัน และความไว้วางใจจากลูกค้าและพนักงาน ซึ่งควรมีองค์ประกอบต่าง ๆ ดังนี้:
1. กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน องค์กรควรกำหนดเป้าหมายในการใช้ AI เช่น เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนและวางแผนให้ชัดเจนเพื่อใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
2. ออกแบบโมเดลปฏิบัติการ (operating model) ที่ทำงานร่วมกับมนุษย์ องค์กรควรกำหนดการแบ่งงานระหว่างพนักงานและ AI agent อย่างชัดเจน โดยเลือกงานที่เหมาะสมกับมนุษย์
3. ยกระดับทักษะพนักงาน ให้สามารถใช้งาน AI agent ได้อย่างคล่องแคล่ว ควบคู่ไปกับการลงทุนในการฝึกอบรมและจัดหาเครื่องมือและเทคโนโลยีที่จำเป็นในการดำเนินงาน
4. สื่อสารอย่างสม่ำเสมอ องค์กรควรสื่อสารกับพนักงานเกี่ยวกับบทบาทของ AI และเปิดช่องทางเพื่อให้พวกเขาสามารถสอบถามและแสดงความคิดเห็น
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ