เตรียมใช้งบกลางขุดลอกแม่น้ำปิง 16.5 กิโลเมตรช่วงกลางเมือง ระหว่าง พ.ค.-ส.ค. 2568 ชาวบ้านกังวลพื้นที่ปลายน้ำกลายเป็นแอ่งรับน้ำ เรียกร้องติดตั้งเครื่องสูบน้ำ พร้อมระบบเตือนภัยและอบรมเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น

กรรณิการ์ ลือชา สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ (สจ.) อำเภอสารภี เขต 1 เปิดเผยรายละเอียดโครงการขุดลอกร่องแม่น้ำปิงและรื้อระบบฝาย จากงบกลางเร่งด่วน มูลค่า 188 ล้านบาท ในการประชุมประชาคมที่อำเภอสารภี เมื่อช่วงปลายเดือนเมษายน 2568 โดยมีผู้เข้าร่วมจากหลายภาคส่วน

ตามแผนโครงการ การขุดลอกจะครอบคลุมระยะทางทั้งหมด 41 กิโลเมตร แต่ในระยะแรกจะดำเนินการเพียง 16.5 กิโลเมตรช่วงกลางเมืองก่อน โดยเริ่มจากประตูระบายน้ำป่าแดดถึงประตูระบายน้ำท่าวังตาล ลักษณะการขุดจะวัดจากร่องกลางน้ำ กว้าง 40 เมตร ลึก 2 เมตร

โครงการมีกำหนดเริ่มในเดือนพฤษภาคมและแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2568 เพื่อให้ทันก่อนฤดูฝนเต็มตัวในช่วงกันยายนถึงตุลาคม คาดว่าจะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม หากน้ำมาในปริมาณเดิม โดยจะลดระดับน้ำจาก 5.30 เมตร เหลือ 4.30 เมตร

อย่างไรก็ตาม ประชาชน เกษตรกร และภาคเอกชนในพื้นที่ได้แสดงความกังวลว่า การขุดลอกดังกล่าวอาจทำให้พื้นที่กลายเป็นแอ่งรับน้ำที่ใหญ่กว่าเดิมก่อนถึงจังหวัดลำพูน โดยเฉพาะในตำบลชมพู หนองแฝก และสันทรายมหาวงศ์ ซึ่งเป็นจุดรับน้ำสุดท้ายของจังหวัดเชียงใหม่ก่อนไหลสู่ลำพูน

ทางกรมชลประทานแจ้งว่า จะมีการติดตั้งระบบสูบน้ำเพื่อผันน้ำเข้าให้ทางฝายพญาคำในกรณีน้ำแล้ง และจะมีการติดตั้งเครื่องสูบเพื่อผันน้ำออกในกรณีน้ำท่วมทั้ง 3 ตำบลดังกล่าว ทั้งนี้ ข้อมูลเรื่องน้ำปี 2567 คาดว่าจะมีมวลน้ำมากถึง 58,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ซึ่งหากเครื่องสูบน้ำที่กรมชลประทานจัดสรรมามีประสิทธิภาพเพียงพอก็จะสามารถแก้ปัญหาได้

นอกจากนี้ ภาคประชาชนยังเรียกร้องให้มีการจัดทำระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งการอบรมให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (ปภ.) ท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิกสภาท้องถิ่น (สท.) ให้มีความรู้เบื้องต้นในการจัดการปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อช่วยเหลือประชาชนในท้องที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กรรณิการ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากโครงการขุดลอกแม่น้ำปิงแล้ว การขุดลอกคูคลองเหมืองต่างๆ เป็นเรื่องที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องประสานโครงการขอกำลังจากทางองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ซึ่งเป็นเรื่องที่สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดให้ความสำคัญและจะทำเป็นแผนแต่ละเส้นให้ต่อไป ทั้งนี้ เธอย้ำว่า "ภาวะโลกรวนมีจริง สิ่งแวดล้อมกับการเมืองคือเรื่องเดียวกัน"