ชวนอ่านงานนักวิชาการกัมพูชา 'การเมืองภายในและความสัมพันธ์กัมพูชา-ไทย 1950-2014'

กองบรรณาธิการ TCIJ 6 มิ.ย. 2568 | อ่านแล้ว 219 ครั้ง

ชวนอ่านงานโดยนักวิชาการกัมพูชา 'Sok Udom Deth' ความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและไทยเป็นเรื่องราวที่ซับซ้อนและน่าสนใจมายาวนาน บางครั้งทั้งสองประเทศเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิด บางครั้งกลับกลายเป็นศัตรูที่เผชิญหน้ากันอย่างรุนแรง แล้วอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงของความผันผวนเหล่านี้?

ความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและไทยเป็นเรื่องราวที่ซับซ้อนและน่าสนใจมายาวนาน บางครั้งทั้งสองประเทศเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิด บางครั้งกลับกลายเป็นศัตรูที่เผชิญหน้ากันอย่างรุนแรง แล้วอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงของความผันผวนเหล่านี้? งานวิจัยเรื่อง "Factional Politics and Foreign Policy Choices in Cambodia-Thailand Diplomatic Relations, 1950-2014" ของ Sok Udom Deth นำเสนอคำตอบที่น่าประหลาดใจและท้าทายความคิดเดิมๆ ที่เราเคยเชื่อมาตลอด

งานวิทยานิพนธ์เพื่อขอปริญญาเอกจาก Humboldt University ใน Berlin นี้ไม่ใช่แค่การบันทึกประวัติศาสตร์ธรรมดา แต่เป็นการวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งถึงพลวัตทางการเมืองที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านในช่วง 64 ปีที่ผ่านมา

ทำไมต้องอ่านงานวิจัยชิ้นนี้?

งานวิชาการชิ้นนี้ ตอบคำถามที่หลายคนสงสัยมานาน "ทำไมความสัมพันธ์กัมพูชา-ไทยจึงผันผวนขนาดนี้?" แทนที่จะตอบแบบง่ายๆ ว่าเป็นเพราะ "ความเป็นศัตรูทางประวัติศาสตร์" หรือ "ชาตินิยม" ผู้เขียนกลับเสนอมุมมองที่ว่า "ปัจจัยสำคัญที่สุดคือการเมืองภายในประเทศของทั้งสองฝ่าย"

ผลการศึกษาเผยให้เห็นว่าความสัมพันธ์จะราบรื่นเมื่อรัฐบาลทั้งสองฝ่ายเป็นระบอบพลเรือน-ประชาธิปไตยที่มีอุดมการณ์คล้ายกัน มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกัน และมองเรื่องความมั่นคงในทิศทางเดียวกัน ในทางกลับกัน เมื่อปัจจัยเหล่านี้ไม่เกื้อหนุนกัน ความสัมพันธ์ก็จะเสื่อมทรามลง

สิ่งที่น่าสนใจคือการค้นพบว่า "ชาตินิยมไม่ใช่ปัจจัยกำหนดหลัก" แต่เป็นเพียงเครื่องมือที่ผู้นำทางการเมืองนำมาใช้เมื่อต้องการสร้างความชอบธรรมให้ตนเองภายในประเทศ และเมื่อรัฐบาลอีกฝ่ายไม่มีผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ร่วมกัน

กรอบแนวคิดใหม่ที่ท้าทายทฤษฎีเดิม

งานชิ้นนี้ใช้ "การวิเคราะห์ความขัดแย้งทางสังคม" (social conflict analysis) เป็นกรอบทฤษฎี ซึ่งแตกต่างจากแนวคิดหลักที่ใช้กันทั่วไปในการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

แนวคิดนี้มองว่ารัฐไม่ใช่ผู้กระทำที่มีเป้าหมายเดียว แต่ประกอบด้วยกลุ่มพลังทางสังคมและการเมืองที่แตกต่างกันซึ่งแข่งขันกัน แต่ละกลุ่มมีอุดมการณ์ ผลประโยชน์ และกลยุทธ์ของตนเอง และพยายามผลักดันนโยบายต่างประเทศให้สอดคล้องกับสิ่งเหล่านี้

กรอบแนวคิดนี้ให้คำอธิบายที่ละเอียดอ่อนกว่าทฤษฎีสัจนิยม (realism) ที่เน้นความสมดุลแห่งอำนาจระหว่างประเทศ หรือทฤษฎีเสรีนิยม (liberalism) ที่เน้นรัฐเป็นศูนย์กลาง รวมถึงแนวคิดการสร้างนิยม (constructivism) ที่อธิบายว่าภัยคุกคามถูกสร้างขึ้นอย่างไร

การเดินทางผ่านประวัติศาสตร์ 6 ทศวรรษ

งานชิ้นนี้ยังนำผู้อ่านเดินทางผ่านช่วงเวลาสำคัญต่างๆ ในความสัมพันธ์กัมพูชา-ไทย โดยแบ่งออกเป็นหลายช่วงตามระบอบการปกครองที่เปลี่ยนไป

สมัยสังคามราษฎรนิยม (1955-1970) เริ่มต้นจากความสัมพันธ์ที่เป็นกลางแต่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นศัตรู ด้วยปัจจัยสำคัญอย่างประเด็นปราสาทพระวิหาร นโยบายเป็นกลางของเจ้าสีหนุที่ขัดแย้งกับรัฐบาลทหารไทย และการที่ไทยสนับสนุนกลุ่มต่อต้านสีหนุ

สมัยสาธารณรัฐเขมร (1970-1975) ความสัมพันธ์กลับมาราบรื่นหลังรัฐบาลกัมพูชาใหม่หันไปฝักใฝ่สหรัฐอเมริกา แต่ก็ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในไทย

สมัยกัมพูชาประชาธิปไตย (1975-1979) ภายใต้การปกครองของเขมรแดง ความสัมพันธ์กับไทยมีความผันผวนตามการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลไทยที่สลับกันระหว่างพลเรือนและทหาร

สมัยสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา (1979-1991) ในบริบทของสงครามอินโดจีนครั้งที่สาม ไทยสนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลกัมพูชาที่ได้รับการสนับสนุนจากเวียดนาม แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในไทยช่วงปลายทศวรรษ 1980 ก็นำไปสู่การคืนดีกับกัมพูชา

ยุคหลังสงครามเย็น (1991-2014) ความสัมพันธ์กลับมาราบรื่น แม้จะมีความขัดแย้งเป็นระยะๆ เช่น การจลาจลต่อต้านไทยในปี 2003 ความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างทักษิณ ชินวัตรและฮุน เซน และความขัดแย้งชายแดนช่วงปี 2008-2011 ที่เป็นผลมาจากการเมืองภายในไทย

ข้อค้นพบที่เปลี่ยนมุมมอง

งานชิ้นนี้ท้าทายความเชื่อแบบเดิมๆ ในหลายประการ ขณะเดียวกันก็เปิดมุมมองใหม่ที่สำคัญ

ชาตินิยมไม่ใช่ตัวกำหนดหลัก แม้จะมีความเป็นปรปักษ์ทางประวัติศาสตร์ระหว่างกัมพูชาและไทยอยู่จริง แต่นี่ไม่ใช่ปัจจัยที่กำหนดนโยบายต่างประเทศของทั้งสองประเทศ ชาตินิยมจะถูกนำมาใช้เมื่อผู้นำการเมืองต้องการเสริมสร้างความชอบธรรมภายในประเทศ และเมื่อไม่มีผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ร่วมกันกับอีกฝ่าย

การเมืองภายในประเทศมีความสำคัญมากกว่าปัจจัยระหว่างประเทศ ความผันผวนในความสัมพันธ์ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยการพิจารณาเฉพาะความสมดุลแห่อำนาจระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ต้องมองที่พลวัตทางการเมืองภายในประเทศของทั้งสองฝ่าย

ความร่วมมือเกิดขึ้นเมื่อมีความคล้ายคลึงกันในหลายมิติ รัฐบาลที่เป็นระบอบพลเรือน-ประชาธิปไตย มีอุดมการณ์คล้ายกัน มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกัน และมองเรื่องความมั่นคงในทิศทางเดียวกัน มักจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกว่า

งานวิชาการชิ้นนี้ เป็นการศึกษาเชิงประจักษ์ครั้งแรกที่ครอบคลุมความสัมพันธ์กัมพูชา-ไทยในช่วงเวลายาวนาน 64 ปี และเสนอกรอบแนวคิดทางเลือกที่มีประโยชน์มากกว่าในการทำความเข้าใจความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนนี้ สำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ การเมือง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

 

อ่านฉบับเต็ม

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: