ร้องแก้กฎหมายความเร็วในเมืองให้ไม่เกิน 60 กม./ชม. หวังลดอุบัติเหตุในไทย

กองบรรณาธิการ TCIJ 13 ก.พ. 2560 | อ่านแล้ว 3887 ครั้ง

ร้องแก้กฎหมายความเร็วในเมืองให้ไม่เกิน 60 กม./ชม. หวังลดอุบัติเหตุในไทย

Make Life Safe Again! จัดการรณรงค์ออนไลน์เรียกร้องสภานิติบัญญัติแห่งชาติแก้กฎหมายความเร็ว "ในเมือง" ให้ไม่เกิน 60 กม./ชม. ระบุอ้างอิงประเทศที่อุบัติเหตุและการเสียชีวิตบนท้องถนนน้อยกว่าไทย

13 ก.พ. 2560 เพจ Make Life Safe Again! ได้จัดการรณรงค์ออนไลน์ผ่าน change.org เรียกร้องให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติแก้กฎหมายความเร็ว "ในเมือง" ให้ไม่เกิน 60 กม./ชม. ระบุอ้างอิงประเทศที่อุบัติเหตุและการเสียชีวิตบนท้องถนนน้อยกว่าไทย โดยการรณรงค์ระบุว่า หากดูข้อมูลประกอบ ปี 2010 - 2015 นอร์เวย์ กรีซ โปรตุเกส สเปน เดนมาร์ก เป็นกลุ่มประเทศที่ % การเสียชีวิตทางถนน "ลดลงที่สุด" ในสหภาพยุโรป หรือ EU (1.นอร์เวย์ ... 5.เดนมาร์ก https://goo.gl/yHspsl), และยุโรปเป็นทวีปที่เสียชีวิตทางถนนน้อยที่สุดในโลก!, ส่วนญี่ปุ่น ในปี 2016 เสียชีวิตทางถนนน้อยที่สุดในรอบ 67 ปี! ไม่ถึง 4 พันคน (https://goo.gl/iehMrW), และแน่นอนว่า ปีก่อนหน้านั้นก็เสียชีวิตน้อยกว่าไทย (https://goo.gl/TKd13F - ดาวน์โหลด แล้วคลิก Japan ที่หน้า Table of contents)

1."ในเมือง" เดี๋ยวนี้ต่างจังหวัดก็รถติดแล้ว ใครจะไปขับ 80 ได้? เมื่อดูจังหวัดที่มีจำนวนผู้เสียชีวิต 4 อันดับแรกและสุดท้ายของ 2 ปีที่แล้ว มัน "ซ้ำกัน" อย่างมีนัยสำคัญ ดังนี้ (เรียงจากจำนวนผู้เสียชีวิต มากไปน้อย) - ปี 2558 1.กรุงเทพฯ 2.นครราชสีมา 3.ชลบุรี 4.เชียงใหม่  ... 74.พังงา 75.ยะลา 76.ระนอง 77.แม่ฮ่องสอน - ปี 2559 1.กรุงเทพฯ 2.นครราชสีมา 3.ชลบุรี 4.เชียงใหม่ ... 74.พังงา 75.แม่ฮ่องสอน 76.ยะลา 77.ระนอง ส่วนปี 2560 แม้เพิ่งผ่านมาแค่เดือนกว่า แต่ 3 จังหวัดแรก ก็ "ซ้ำ" กับอันดับของ 2 ปีก่อน คือ 1.กรุงเทพฯ 2.นครราชสีมา 3.ชลบุรี และ 4 อันดับสุดท้ายก็ "ซ้ำ" ถึง 3 จังหวัด คือ 74.ยะลา 75.ระนอง 77.พังงา (76.ปัตตานี)(ข้อมูล ณ วันที่ 13 ก.พ. 60 - http://www.thairsc.com: คลิก > ข้อมูลผู้บาดเจ็บ เสียชีวิตสะสมทุกจังหวัด) ท่านคงทราบกันใช่มั้ยครับ ว่า 4 จังหวัดแรกคือ กรุงเทพฯ นครราชสีมา ชลบุรี เชียงใหม่ มีพื้นที่ที่มีลักษณะเป็น "เมือง" ใหญ่อันดับหัวแถวของประเทศ!


2."นอกเมือง" เราทราบกันดีว่า รถยนต์ เสียชีวิต "ในเมือง" ค่อนข้างน้อย จากรายงานล่าสุดขององค์การอนามัยโลก (WHO) มีเพียง 6% ที่เสียชีวิตจากรถยนต์ จากการเสียชีวิตทางถนนทั้งหมดในไทย แต่เมื่อนำรถยนต์ทั้งประเทศ ➗ จำนวนผู้เสียชีวิตจากรถยนต์ ไทยก็เสียชีวิตเยอะกว่าประเทศที่ "ดื่มหนัก" อันดับ 2,3 ของโลกคือ ไอร์แลนด์ สาธารณรัฐเช็ค อย่างมีนัยสำคัญ (https://goo.gl/p7y71g กล่าวคือ ไทยต้องมีรถยนต์เพียง 3,754 คัน ถึงจะเสียชีวิต 1 คน แต่ไอร์แลนด์ ต้องมีรถยนต์ถึง 18,213 คัน / สาธารณรัฐเช็คต้องมีถึง 16,879 คัน ถึงจะเสียชีวิต 1 คน มอเตอร์ไซค์ สวมหมวกกันน็อค ก็อาจไม่รอด! จากผลการศึกษาผู้บาดเจ็บจากการใช้รถมอเตอร์ไซค์ในไทยและต่างประเทศ ยืนยันชัดเจนตรงกันว่า การสวมหมวกกันน็อคจะช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตได้ถึง 39% ในกรณีที่ใช้ "ความเร็วไม่สูงมากนัก" ขณะเกิดอุบัติเหตุ (แล้วอีก 61% ล่ะ? นี่ขนาด "ความเร็วไม่สูงมากนัก") - ความเร็วที่ค่อนข้างปลอดภัยในการขับขี่ไม่ควรเกิน 60 กม./ชม. เป็นความเร็วที่หมวกกันน็อคที่ได้มาตรฐานพอจะรับได้ (แต่กฎหมายอนุญาตให้ถึง 80,90 กม./ชม.) - ความเร็ว 80,90 กม./ชม. อาจมีส่วนให้ เฉลี่ยในทุก 2 ชั่วโมงจะมีผู้ "พิการ" จากอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์เพิ่มขึ้น 1 คน ที่มา: http://www.roadsafetythai.org/uploads/userfiles/file_20150819055001.pdf

เพราะเป็นประเทศรายได้ปานกลาง จึงเจ็บปวด! นอกจาก WHO ได้แบ่งกลุ่มจำนวนการเสียชีวิตทางถนนตามภูมิภาค (ยุโรป: ตายน้อยสุด,เกือบทั้งหมดอยู่ในกลุ่มรายได้สูง) ยังได้แบ่งตามกลุ่มรายได้ ซึ่งตัวเลขที่ออกมาก็ทำให้รู้ว่า ไทยเราที่ขึ้นชื่อเรื่องอุบัติเหตุทางถนน ก็ไม่ต้องน้อยใจมากนัก(ไม่อยาก ฉายหนังซ้ำ ว่าตายเยอะขนาดไหน) นี่เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก กลุ่มประเทศรายได้ปานกลางเสียชีวิตเยอะกว่ากลุ่มรายได้สูงอยู่แล้ว และกลุ่มรายได้ปานกลางมีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น! - ปี 2013 ใน 1 แสนคน เสียชีวิต 18.5 คน - ปี 2015 ใน 1 แสนคน เสียชีวิต 19.5 คน - (ไทยเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับสูง [upper-middle-income] https://goo.gl/6E4v67  และ - แม้ว่ากลุ่มประเทศ "รายได้สูง" มีรถรวมกัน 46% ของจำนวนรถทั้งหมดในโลก แต่อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนมีเพียง 10% ของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนทั่วโลก - แต่กลุ่มประเทศ "รายได้ปานกลาง" มีรถรวมกัน 53% ของจำนวนรถทั้งหมดในโลก แต่อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนกลับสูงถึง 74% ของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนทั่วโลก (รายได้น้อย: รถ1%, ตาย16%)

จากที่ได้ไล่เรียงมา ตั้งแต่ "กฎหมายควบคุมความเร็ว" จนถึง "ความเป็นประเทศรายได้ปานกลาง" จึงประสงค์ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ แก้ไขกฎหมายควบคุมความเร็ว "ในเมือง" จากไม่เกิน 80 กม./ชม. ให้เหลือไม่เกิน 60 กม./ชม. และ "นอกเมือง" จากไม่เกิน 90 กม./ชม. ให้เหลือไม่เกิน 70 กม./ชม.

 

สนับสนุนการรณรงค์นี้ได้ที่นี่

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: